เบื้องต้นได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครนายก ว่ารถพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าว (ส่วนหัว) มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. สินมั่นคงประกันภัย และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. วิริยะประกันภัย ส่วนหางมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับ บมจ. นำสินประกันภัย
1. รถหมายเลขทะเบียน กค 380 ร้อยเอ็ด มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. วิริยะประกันภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 4 ราย
2. รถหมายเลขทะเบียน ผพ 1729 ชลบุรี มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และ การประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. ไอโออิกรุงเทพประกันภัย
1. รถยนต์หมายเลขทะเบียน ฆผ 1316 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบไม่พบการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายและเสียชีวิต 2 ราย
2. รถยนต์หมายเลขทะเบียน กว 7840 นครราชสีมา มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. สินมั่นคงประกันภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
3. รถยนต์หมายเลขทะเบียน 2กณ 8896 กรุงเทพมหานคร มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. เมืองไทยประกันภัย
สำหรับรถพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-8657 ระยอง (ส่วนหัว) มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. วิริยะประกันภัย และส่วนหางหมายเลขทะเบียน 70-7800 ระยอง มีการทำประกันภัยรถ พ.ร.บ. กับ บมจ. วิริยะประกันภัย
รถจักรยานยนต์ 1 คัน มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
1. ทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 200,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่จะได้รับค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาท ส่วนรถยนต์คันที่ไม่ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ มีสิทธิรับค่าเสียหายเบื้องต้น รายละ 35,000 บาท จากเจ้าของรถคันดังกล่าว หากเจ้าของรถไม่จ่าย หรือจ่ายไม่ครบสามารถใช้สิทธิขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
2. ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ในรถมีประกันภัย พ.ร.บ. จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท ต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับการพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลวันละ 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน ยกเว้นผู้ขับขี่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนรถยนต์ที่ไม่มีการทำประกันภัยรถภาคบังคับจะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อหนึ่งคน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และได้เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ประสบภัยและทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตโดยเร็วแล้ว ทั้งนี้ จากอุบัติเหตุครั้งนี้พบว่ายังมีรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันภัย พ.ร.บ. ทำให้เจ้าของรถคันดังกล่าวต้องรับผิดชอบความเสียหายเอง แม้ว่ากองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจะได้ใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นแทน กองทุนฯ ก็จะดำเนินการเรียกคืนจากเจ้าของรถพร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 20 ตามที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน คปภ. จึงขอย้ำเตือนเจ้าของรถตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตลอดเวลา และหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้นสามารถซื้อประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติมได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th
ที่มา: http://www.oic.or.th