ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงาน คปภ. ได้ออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย โดยไม่ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรทางบกด้วยการออกคำสั่งนายทะเบียนที่11/2560 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2560 ให้แก้ไขแบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัย โดยปรับลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ซึ่งจากเดิมข้อยกเว้นตามเอกสารฯระบุว่า “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไม่น้อยกว่า (ตั้งแต่) 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์” แก้ไขเป็น “การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์” ให้ถือว่า “เมาสุรา” ซึ่งคำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องนี้ สำนักงาน คปภ.ได้ประสานไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมในการปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนฯตามที่สำนักงาน คปภ. กำหนดแล้ว
“ผมได้สั่งการให้สำนักงานคปภ.ประสานไปยังสมาคมประกันวินาศภัยและบริษัทประกันวินาศภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งฯดังกล่าว เนื่องจากสำนักงานคปภ.ได้มีการออกคำสั่งนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 โดยให้มีผลบังคับวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ทำให้มีระยะเวลาในการเตรียมตัวทั้งในเรื่องของเอกสาร เงื่อนไข ในกรมธรรม์ เพื่อรองรับคำสั่งนี้”
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนเป็นอย่างยิ่ง การออกมาตรการดังกล่าว ถือเป็นการสนับสนุนมาตรการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน สร้างวินัยการจราจรให้กับประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนน ดังนั้นจึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถยนต์ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการดื่มสุราระหว่างขับรถยนต์ เนื่องจากหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วตรวจพบว่า ผู้ขับรถยนต์ที่ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากกรมธรรม์ประกันภัย แต่ในส่วนของผู้ประสบภัยหรือบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถยนต์คันที่เอาประกันภัยดังกล่าวยังคงได้รับความคุ้มครอง โดยบริษัทประกันภัยของรถยนต์คันที่เอาประกันภัยฝ่ายผิดจะต้องให้ความคุ้มครองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินและจะไปไล่เบี้ยเรียกคืนค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจ่ายไปจากผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อไป ทั้งนี้ ปริมาณแอลกอฮอล์ดังกล่าว ไม่กระทบต่อความคุ้มครองของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
นอกจากมาตรการส่งเสริมให้ผู้ขับรถยนต์ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์แล้ว สำนักงาน คปภ. ยังสนับสนุนให้ประชาชนจัดทำประกันภัยรถยนต์ ตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ปลอดแอลกอฮอล์ โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทเป็นส่วนลดอื่นในอัตราร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ เพียงแค่ผู้เอาประกันภัยแจ้งกับบริษัทที่รับประกันภัยว่าขอเพิ่มเติมสัญญาแนบท้ายตัวนี้เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าผู้เอาประกันภัยจะขับขี่รถยนต์โดยปลอดแอลกอฮอล์ก็จะได้รับส่วนลดทันทีร้อยละ 10 ซึ่งขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่ได้รับความเห็นชอบให้ใช้เอกสารแนบท้ายและอัตราเบี้ยประกันภัย ปลอดแอลกอฮอล์นี้แล้วทั้งสิ้น 10 บริษัท ประกอบด้วย บมจ. เทเวศประกันภัย บมจ. ทิพยประกันภัย บมจ. สมโพธิ์ เจแปน นิปปอนโคอะ ประกันภัย บมจ.ไทยศรีประกันภัย บมจ.อาคเนย์ประกันภัย บมจ.ไทยประกันภัย บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย บมจ. เมืองไทยประกันภัย และบมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์
ที่มา: http://www.oic.or.th