ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถตู้หมายเลขทะเบียน 32-6714 กรุงเทพมหานคร ที่มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นโดยสารชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 81-8733 นนทบุรี และเกิดเพลิงลุกไหม้ บนถนนสาย 347 ปทุมธานี-บางปะหัน มุ่งหน้าบางปะหัน หลักกิโลเมตรที่ 28 หมู่ 8 ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย นั้น
จากการติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดของ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และ สำนักงาน คปภ. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่ารถตู้และรถบรรทุก 10 ล้อ ได้มีการทำประกันภัย ดังนี้
ในส่วนของรถตู้หมายเลขทะเบียน 32-6714 กรุงเทพมหานคร ได้มีการทำประกันภัยไว้กับ บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) คือ การประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เลขที่ 08-AC1-0002018-00000-2017-03 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) เลขที่ 08-AV1-0000314-00000-2017-03 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1)ฉบับนี้ ให้ความคุ้มครองความรับผิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของผู้โดยสารซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาทต่อคน และจากการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ให้ความคุ้มครองต่อกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพถาวร ของผู้โดยสาร คนละ 100,000 บาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน
สำหรับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 81-8733 นนทบุรี ได้มีการทำประกันภัยไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คือ การประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เลขที่ 00809-60113/กธ/8974421 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2561 และการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) เลขที่ 01056-60101/กธ/020813-30 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 15 มีนาคม 2561 ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ฉบับนี้ ให้ความคุ้มครองความรับผิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของบุคคลภายนอก เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท ต่อคน
ทั้งนี้ในส่วนของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นการประกันภัยพื้นฐานที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ใช้รถทุกคันต้องทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้ได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย โดยสำหรับในส่วนของผู้โดยสาร กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน และกรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวรจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาทต่อคน และกรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-300,000 บาท กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน รวมแล้วสูงสุดไม่เกิน 304,000 บาท
สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ และเพื่อเป็นการใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุบัติเหตุ จึงได้ สั่งการให้สำนักงาน คปภ. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของ สำนักงาน คปภ. ตรวจสอบข้อมูลด้วยว่านักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุได้มีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้ด้วยหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ใช้บริการกับบริษัททัวร์ชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทเกอร์ทัวริสท์เซอร์วิส ซึ่งทำประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ไว้กับบริษัทนิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวร์รันส์ ตามกรมธรรม์เลขที่ 0222459102 เริ่มต้นความคุ้มครองวันที่ 2 กรกฎาคม 2560 ถึง วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 โดยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพสิ้นเชิง จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาทต่อคน และกรณีได้รับบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน
ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. 2556 ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องมีสำเนากรมธรรม์ประกันภัย ประกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทต่อคน และต้องมีอายุกรมธรรม์ ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับแต่วันยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เพื่อใช้ในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ทั้งนี้สำนักงาน คปภ. จะประสานงานให้บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่อไป
“อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ถึงแม้ว่าจะมีความระมัดระวังในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม ดังนั้น ฝากเตือนประชาชนหรือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสำคัญในเรื่องของการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยง ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยและประสานงานการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนและ ผู้เอาประกันภัยอย่างเต็มที่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อมาที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการกล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.oic.or.th