ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารซึ่งรับแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามาจาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ ซึ่งบรรทุกข้าวสารมาเต็มคันรถ บนถนนสายเอเชีย (ท.ล. 32) ขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 90-91 ตำบลบางมัญ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตชาวพม่าจำนวน 13 ราย และผู้ขับขี่รถตู้อีก 1 ราย รวมเป็น 14 ราย
ทั้งนี้จากการติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดของ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. จังหวัดสิงห์บุรี โดยพบว่า รถตู้และรถบรรทุก 10 ล้อ ได้มีการทำประกันภัย ดังนี้
รถตู้หมายเลขทะเบียน 33-3241 กรุงเทพมหานคร มีการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)ไว้กับ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 00/2017-C8461398 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และมีการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับบริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 000- A10017-032606 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ฉบับนี้ ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของผู้โดยสารที่เป็นบุคคลภายนอกจำนวนเงิน 500,000 บาทต่อคน และคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ วงเงิน 1,000,000 บาท และจากการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ให้ความคุ้มครองต่อกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพถาวร ของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 100,000 บาทต่อคน
สำหรับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 81-7407 นครสวรรค์ มีการทำประกันภัยไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คือ การประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เลขที่ 03342-60504/กธ/9775613 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) เลขที่ 06863-60504/กธ/E01972-10 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 23 มีนาคม 2561 ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ฉบับนี้ ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของบุคคลภายนอกจำนวนเงิน 300,000 บาทต่อคน และคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ วงเงิน 650,000 บาท
ทั้งนี้ในส่วนของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ซึ่งเป็นการประกันภัยพื้นฐานที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ใช้รถทุกคันต้องทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้ได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ในส่วนของผู้โดยสาร กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน และกรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวรจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาทต่อคน และกรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-300,000 บาท กรณีเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นประชาชนจึงควร ให้ความสำคัญในเรื่องของการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และฝากเตือนถึงประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทุกประเภทควรทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงและครบวงจร ซึ่งสำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ และจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยและประสานงานด้านค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อมาที่สายด่วน คปภ. 1186
ที่มา: http://www.oic.or.th