ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 ได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-3824 นครสวรรค์ มีผู้โดยสารที่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งเดินทางจาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อเดินทาง ไปยังจังหวัดปทุมธานี เกิดเหตุบริเวณอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 27 คน
จากการติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดของ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. จังหวัดตาก พบว่า รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-3824 นครสวรรค์ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ( มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ BKK-A-COI-17-094124 เริ่มคุ้มครองเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ทั้งนี้การประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนดนี้ ได้ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของผู้ประสบภัยจากรถทุกคน ในส่วนของผู้โดยสาร กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน และกรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวรจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาทต่อคน และกรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-300,000 บาท กรณีเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ และจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยและประสานงานด้านค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นประชาชนจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องของการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และฝากเตือนถึงประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้ประกอบการ รถสาธารณะที่ให้บริการประชาชนจำนวนมากควรทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงและครบวงจร และถ้ามีกำลังซื้อ ขอให้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติม เพื่อจะได้รับความคุ้มครองที่มากขึ้น
“ผู้ประกอบการที่มีแรงงานเป็นชาวต่างด้าวและได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้จัดทำประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับผู้ใช้แรงแรงต่างด้าว เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและความปรารถนาดีของท่าน และเป็นสวัสดิการที่ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิต/สูญเสียอวัยวะ หรือ ทุพพลภาพถาวร จากอุบัติเหตุ กรณีถูกลอบฆาตกรรมทำร้าย และยังมีค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุให้กับแรงงานของท่านอีกด้วย ซึ่งสำนักงาน คปภ.จะหารือกับกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำ MoU และผลักดันให้มีการนำเอาระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงภัย และเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านประกันภัยอย่างครบวงจรให้กับผู้ใช้แรงงานต่างด้าวอีกด้วย ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อมาที่สายด่วน คปภ. 1186”
ที่มา: http://www.oic.or.th