ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์โดยสารประจำทางสายกรุงเทพ-พนมไพร ของ บริษัท ประหยัดทัวร์ จำกัด หมายเลขทะเบียน 10-8175 นครราชสีมา เสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย บาดเจ็บ 52 ราย เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2562 โดยเบื้องต้นได้สั่งการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ตรวจสอบและลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนติดตามเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ติดตามบริษัทประกันภัยเพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมีการทำประกันชีวิตหรืออุบัติเหตุส่วนบุคคลประเภทอื่นๆไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 6 ราย และผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ว่า รถยนต์โดยสารประจำทางหมายเลขทะเบียน 10-8175 นครราชสีมา ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 04647-61501/กธ/2434687 เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 30 กันยายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 30 กันยายน 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 03795-61501/กธ/036552-30 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง 30 กันยายน 2562 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่ายกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. จำนวน 300,000 บาทต่อคน และ 10,000,000 บาทต่อครั้ง สำหรับความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน จำนวน 200,000 บาท ผู้โดยสาร 45 คน จำนวน 200,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 200,000 บาทต่อคน การประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาทต่อครั้ง)
สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 ราย และผู้บาดเจ็บ นั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้า ว่า ญาติของผู้เสียชีวิตได้นำศพของผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 3 ราย จังหวัดสุรินทร์ 2 ราย และที่จังหวัดกาฬสินธุ์ 1 ราย โดยบริษัทประกันภัยได้ติดต่อทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายแล้ว และจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ส่วนผู้บาดเจ็บทาง สำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและโรงพยาบาลเพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยในการรักษาพยาบาลตามสัญญากรมธรรม์ โดยแบ่งผู้บาดเจ็บออกเป็นกลุ่มๆ คือ บาดเจ็บมาก บาดเจ็บปานกลาง และบาดเจ็บเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอีกด้วย
"สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในครั้งนี้ อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ ในส่วนของผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางควรหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ และกรมธรรม์ประกันภัยอื่นๆ เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง และเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.oic.or.th