ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ สำหรับผู้บริหารระดับสูงเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ สำนักงาน คปภ. ปี 2563 ระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมโอ๊ควูด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดโดยสายกลยุทธ์องค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เพื่อทำเวิร์คช็อปแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัย ประจำปี 2563 ซึ่งถือเป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญ เนื่องจากปี 2563 เป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2559 – 2563)
ในโอกาสนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ฯ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2559 – 2563) อุตสาหกรรมประกันภัยไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายมิติอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การที่สังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทำให้เป็นตัวเร่งและเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงิน ฯลฯ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นตัวเร่งให้สำนักงาน คปภ.จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรากฐานสำคัญขององค์กรเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า
ดังนั้นการจัดทำยุทธศาสตร์ใน ปี 2563 ของสำนักงาน คปภ.จึงจำเป็นต้องเดินหน้าแปลงร่าง (Transform) สู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และทำให้เป็นปีแห่ง “การส่งเสริมและการกำกับอย่างสมดุล เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมประกันภัย” ด้วยการกำหนดนโยบายเชิงรุก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจประกันภัย ตลอดจนเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อธุรกิจประกันภัย โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆให้เหมาะสมกับบริบทการเปลี่ยนแปลงต่างๆโดยไม่ติดกับดักโมเดลธุรกิจประกันภัยแบบเดิมๆ เพื่อนำพาอุตสาหกรรมประกันภัยสู่มิติการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะเดียวกันก็ต้องเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานให้เป็นพลังขององค์กร รวมทั้งมีการปรับวัฒนธรรมองค์กรและกระบวนการทำงานสู่องค์กรที่มีความคล่องตัวสูงมีการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นเครื่องมือหลักในทุกกระบวนการทำงานเพื่อลดความสูญเปล่าด้วยการลดกระบวนการทำงานและระเบียบกฎเกณฑ์ภายในองค์กรที่สร้างต้นทุนเกินความจำเป็นและใช้ทรัพยากรหรือเวลาที่ไม่คุ้มค่าเพื่อให้บุคลากรมีเวลาเพียงพอสำหรับการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆและพัฒนาตนเองเพื่อนำไปสู่การยกระดับการทำงานร่วมกันแบบข้ามสายงานภายในสำนักงาน คปภ. และการร่วมงานกับหน่วยงานภายนอกให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการนำการทดสอบกระบวนการทำงานภายในขององค์กร (Internal Sandbox) มาทดลองใช้กับการปฏิบัติงานในบางเรื่อง
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การจัดทำเวิร์คช็อปแผนยุทธศาสตร์ ปี 2563 ในครั้งนี้ ตนได้ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดและทุกมิติที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เพราะนอกเหนือจากการนำแผนยุทธศาสตร์นี้ไปใช้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยในปี 2563 แล้ว ยังจะต้องมีการต่อยอดเพื่อจัดทำแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 (2564-2568) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติอีกด้วย จึงมีการแบ่งกลุ่มทำเวิร์คช็อปอย่างเข้มข้น ซึ่งตนได้ร่วมระดมสมองเพื่อตกผลึกความคิด และได้ข้อสรุปร่วมกันว่า แผนยุทธศาสตร์ของสำนักงาน คปภ.ในปี 2563 ควรที่จะขับเคลื่อนภายใต้กรอบความคิดหลักๆ 4 ประการ คือ ประการแรก จะต้องปรับปรุงกระบวนการในการทำงานเพื่อลดขั้นตอนและให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประการที่สอง การนำเอาเทคโนโลยีและข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสร้างเสริมประสิทธิภาพ ประการที่สาม การสร้างความรู้ ความเข้าใจในเชิงรุกแก่ประชาชนเกี่ยวกับการประกันภัย และประการที่สี่ การสร้าง ธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส โดยใช้ระบบเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัย
ซึ่งกรอบความคิดทั้ง 4 ประการที่ได้จากการระดมสมองในครั้งนี้จะถูกนำไปจัดทำเป็นแผนยุทธ์ศาสตร์ของสำนักงาน คปภ. ในปี 2563 เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยต่อไป
สำหรับการจัดทำแผนพัฒนาฯฉบับที่ 4 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ประเด็นปัญหาและประเมินศักยภาพของธุรกิจประกันภัย ซึ่ง Common Theme จะเป็นเรื่อง Balance and Sustainability โดยเน้นใน 3 ประเด็นหลักๆ คือ ประเด็นแรก การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมุ่งเน้นที่การส่งเสริมและพัฒนาในทุกภาคส่วนของ insurance economy โดยเริ่มตั้งแต่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัย ตัวกลางประกันภัย ทั้งนี้เพื่อให้ insurance economy เติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ประเด็นที่สอง การสร้างความสมดุล โดยมุ่งเน้นการกำกับที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัยภายใต้การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี กฎระเบียบข้อบังคับ กระแสเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถแข่งขันได้และดำเนินธุรกิจอย่างคล่องตัว และประเด็นที่สาม การสนับสนุนการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี ด้วยการสนับสนุนการจัดทำข้อมูลกลางของอุตสาหกรรมประกันภัยและนำเทคโนโลยีต่างๆมาปรับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค สภาพเศรษฐกิจ สังคม กฎระเบียบข้อบังคับและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งลดความเสี่ยงและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ
“ดังนั้นการทำเวิร์คช็อปยุทธศาสตร์ปี 2563 ของสำนักงานคปภ.ในครั้งนี้จึงเป็นการระดมสมองเพื่อตกผลึกความคิดในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ของสำนักงาน คปภ. อย่างเป็นระบบและรอบคอบในทุกมิติเพื่อเตรียมการไปสู่การแปลงร่างสำนักงาน คปภ.สู่องค์กรยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.oic.or.th