เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียต่อร่างประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. ... ซึ่งร่างประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจประกันภัยไทยและการตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยจะเปิดกว้างให้บริษัทประกันภัยสามารถลงทุนได้หลากหลายสอดคล้องกับลักษณะของความเสี่ยงและภาระผูกพันที่มีต่อ ผู้เอาประกันภัย
1. มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยในประเทศลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยมีผลตอบแทนไม่เพียงพอต่อภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัย ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย ลดการกระจุกตัวในการลงทุนภายในประเทศ เพิ่มทางเลือกในการหาผลตอบแทนของบริษัทประกันภัย และการแก้ปัญหาการบริหารสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับหนี้สินและภาระผูกผันที่มีต่อผู้เอาประกันภัย (Asset-Liability Management) โดยเฉพาะบริษัทประกันชีวิตที่มีภาระผูกพันต่อสัญญาประกันภัยระยะยาว สำหรับการป้องกันปัญหาเงินไทยไหลออกนอกประเทศ สำนักงาน คปภ. ได้จำกัดจำนวนเงินลงทุนในต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งในรูปแบบการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด รวมทั้งแต่ละประเภทของสินทรัพย์ที่ไปลงทุน นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องในการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน เช่น การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง (RBC) การบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวม (ERM) และการประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย (ORSA) เป็นต้น
2. มีการเพิ่มสัดส่วนและเพิ่มประเภทการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ใบทรัสต์ของกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่จดทะเบียนในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวของประเทศ และเพิ่มทางเลือกในการหาผลตอบแทนของบริษัทประกันภัย
3. มีการเพิ่มประเภทการลงทุนของบริษัทประกันภัย โดยให้บริษัทถือตราสารทุนในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการสถานพยาบาลในประเทศไทย รวมทั้งกิจการที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง (Long term care) ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการประกันสุขภาพและรองรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุของไทย (Aging Society)
4. มีการเพิ่มประเภทการลงทุนของบริษัทประกันภัย โดยให้บริษัทถือตราสารทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุน ยกระดับ และสร้างแรงจูงใจให้กับธุรกิจประกันภัย โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้เอาประกันภัยให้ดียิ่งขึ้น
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำหรับการยกร่างประกาศดังกล่าว สำนักงาน คปภ. ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคประกันภัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ข้อมูล ข้อเสนอแนะในแง่มุมต่าง ๆ อย่างครบถ้วนต่อร่างประกาศฯ โดยล่าสุดได้มีการจัดประชุมหารือร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทยเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 อีกทั้งยังจัดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ.ซึ่งสามารถให้ความเห็นและข้อแนะนำมาที่ : http://www.oic.or.th/th/consumer/public-hearing โดยจะได้รวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาปรับปรุงร่างประกาศให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนทุกมิติ ก่อนที่จะเสนอคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
“สำนักงาน คปภ.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าร่างประกาศนี้จะเป็นอีกมาตรการที่สำคัญในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้สามารถบริหารจัดการปัญหาที่เกิดจากดอกเบี้ยต่ำและค่าเงินบาทแข็ง โดยสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติและประชาชน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.oic.or.th