เลขาธิการ คปภ.ชี้แจงกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

ข่าวทั่วไป Friday June 5, 2009 16:31 —คปภ.

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. ชี้แจงรายละเอียดกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ.ว่า ตามที่ได้มีการกล่าวอ้างว่า ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนผู้เสียหายที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย เมื่อมีข้อพิพาทการเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย หากเสนอเรื่องให้ระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยแล้ว จะทำให้ได้รับค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนจำนวนที่สูงกว่าความเป็นจริง ทำให้บริษัทประกันภัยที่ถูกเรียกร้องไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีความเข้าใจว่ากระบวนการอนุญาโตตุลาการเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายผู้เสนอข้อพิพาท และกระบวนการดังกล่าว ยังเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทนายความบางกลุ่มที่รับเป็นผู้แทนผู้เสนอข้อพิพาทให้กับประชาชนผู้เอาประกันภัยเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ นั้น

สำนักงาน คปภ. ขอชี้แจงทำความเข้าใจว่า ความเข้าใจดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาทที่มีกฎหมาย ระเบียบ รองรับการดำเนินงาน และการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนก็เป็นไปตามหลักความเสียหายที่แท้จริงตามเงื่อนไขของสัญญาประกันภัยโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังมีข้อเท็จจริงดังนี้

1. กระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการอนุญาโตตุลาการของสำนักงาน คปภ. เป็นการระงับข้อพิพาททางแพ่งและพาณิชย์อันเนื่องจากสัญญาประกันภัย ระหว่างผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ ผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้มีสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัย กับบริษัทประกันภัย โดยการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายตามสัญญาประกันภัยดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายตามสัญญาประกันภัยตามปกติ เนื่องจากเงื่อนไขทั่วไปของกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ของสำนักงาน คปภ. หากมีข้อพิพาทตามสัญญาประกันภัยเกิดขึ้น ดังนั้นการเสนอข้อพิพาทเพื่อใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิโดยชอบตามกฎหมาย และการดำเนินกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการดังกล่าวได้มีกฎหมายรองรับ การดำเนินการ ได้แก่ ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2551 และพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 รวมทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย

2. เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า เมื่อผู้เสนอข้อพิพาทได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทประกันภัยต่อสำนักงาน คปภ. เพื่อให้มีการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการนั้น จะทำให้ได้รับค่าเสียหายจำนวนที่สูงกว่าความเป็นจริง ทำให้บริษัทประกันภัยที่ถูกเรียกร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ส่วนอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ. ได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า การพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีการเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไขสัญญาประกันภัย ไม่ว่าในชั้นการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรืออนุญาโตตุลาการ หรือศาล ก็ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ตามสิทธิและหน้าที่ ตามเงื่อนไขสัญญาประกันภัย คือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องเป็นความเสียหายที่มีความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย และการชดใช้ค่าเสียหายของบริษัทประกันภัยก็จะต้องชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง จะชดใช้เกินกว่าความเสียหาย หรือเกินจำนวนเงินเอาประกันภัยมิได้ เนื่องจากจะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และการที่ได้มีทนายความเข้ามาเป็นผู้แทนผู้เสนอข้อพิพาท ถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนผู้เอาประกันภัยที่จะหาผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับข้อพิพาทหรือความรู้ด้านกฎหมายเข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับกระบวนพิจารณา เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ ของตนเอง และทนายความเหล่านั้นต้องอยู่ภายใต้กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการตามกฎหมาย อีกทั้งการพิจารณาเรียกร้องค่าเสียหายต้องอยู่ในกรอบของสิทธิเรียกร้องตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงเป็นเรื่องปกติ และไม่มีผู้ใดเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการของสำนักงาน คปภ. แต่อย่างใด

3. กรณีเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า เมื่อมีการร้องเรียนให้สำนักงาน คปภ. พิจารณาแล้วอาจทำให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยได้รับรู้ถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่อยู่ในความคุ้มครองที่ถูกต้อง โดยผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนไม่ทราบมาก่อน ว่าบริษัทประกันภัยมีหน้าที่ต้องชดใช้หากมีความเสียหาย เช่น ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ค่าขาดรายได้ ค่าขาดไร้อุปการะ หรือค่าเสียหายที่เกี่ยวเนื่องจากการกระทำละเมิด เป็นต้น เมื่อบริษัทประกันภัยบางบริษัทต้องจ่ายค่าเสียหายกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม จึงเข้าใจว่า ทำให้บริษัทเสียหายจากการที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมเพิ่มเติม หรือเข้าใจว่ามีกลุ่มบุคคลมาแสวงหาประโยชน์ในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง เนื่องจากเป็นสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยโดยชอบด้วยกฎหมาย

นางจันทราฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการเปรียบเทียบคดีความผิดต่างๆที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ คปภ. ทางเราไม่ได้นิ่งดูดาย เรามีความตั้งใจและความพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน หากท่านมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186

ข้อมูลจากฝ่ายระงับข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ