(1) ความเป็นมาของโพลล์
ความเครียดเป็นปัญหาหนึ่ง อันเป็นผลพวงจากปัญหาสังคมที่ก่อตัวขึ้นมา โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่มีการแข่งขันกันสูง มีการชิงดีชิงเด่นและ
ความขัดแย้งกัน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ อันจะส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้นมาทีละน้อย และจะทวีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาทางด้านครอบครัวก็เป็นปัญหาหนึ่ง
ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนไทย เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความใกล้ชิดกันมากที่สุด จึงควรรีบเร่งหาทางแก้ไข
มธบ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้ จึงได้ไปทำการสำรวจข้อมูลของประชาชน ว่ากลุ่มใดมีความเครียดมากที่สุด และอะไร
คือสาเหตุของปัญหาเรื่องความเครียด โดยได้ทำการจัดส่งอาจารย์และนักศึกษาลงพื้นที่ที่กำหนด เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลตามหลักระเบียบวิธีวิจัย
(2) วัตถุประสงค์ของการสำรวจ
เพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเครียดของประชาชน ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
(3) ระเบียบวิธีวิจัย
การสุ่มตัวอย่างของประชากรกลุ่มเป้าหมายได้ทำในพื้นที่ต่าง ๆ จังหวัด กรุงเทพมหานคร ภายในวันที่ 30กรกฎาคม 2544 และ 6
สิงหาคม 2544 ซึ่งแบ่งออกเป็นเพศ อายุ และอาชีพ จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 1,015ราย ในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้นักศึกษาออกไปสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง
โดยทางตรง
(4) ผลการสำรวจ
(ก) จากการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างในเรื่องของความเครียด ในอาทิตย์ที่ผ่านมาบุคคลใดที่ทำให้เครียดมากที่สุด จากการสำรวจ
พบว่า สมาชิกในครอบครัว (ยกเว้นคู่สมรส) มีส่วนในการทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด ร้อยละ 25 รองลงมาเป็นคู่ชีวิต / คู่รัก ร้อยละ 19 อันดับ
สาม 3 คือ เพื่อน และหัวหน้างาน ร้อยละ 15
(ข) ส่วนบุคคลที่ทำให้รู้สึกเครียดบ่อยครั้งที่สุดก็คือ สมาชิกในครอบครัว ร้อยละ 26 รองลงมาคือ คู่ชีวิต / คู่รัก ร้อยละ 24อันดับสาม
3 คือ เพื่อน ร้อยละ 18
(ค) สาเหตุที่ทำให้รู้สึกเครียดมากที่สุดก็คือเรื่องเงิน คิดเป็น ร้อยละ 33 รองลงมาคือ ความรับผิดชอบในเรื่องงาน ร้อยละ 25 และ
อันดับ 3 ที่เป็นสาเหตุของความเครียดก็คือ สภาพแวดล้อม ร้อยละ 17
(ง) เมื่อทำการสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่าเมื่อรู้สึกเครียด จะมีวิธีคลายเครียดอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปดูทีวี / ภาพยนตร์
เพื่อผ่อนคลายความเครียด ร้อยละ 20 รองลงมาคือ ฟังเพลง ร้อยละ 14 และอันดับ 3 คือ การออกกำลังกาย ร้อยละ 12
(จ) จากวิธีการคลายเครียดดังกล่าวนั้น เช่น ดูทีวี / ภาพยนตร์, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย ฯลฯ นั้นประชาชนมีความคิดเห็นว่าวิธีดัง
กล่าวช่วยได้ในระดับปานกลางถึง ร้อยละ 45 เห็นด้วยรองลงมาคือ ช่วยได้มาก ร้อยละ 35อันดับ 3 คือ มากที่สุด ร้อยละ 11
(ฉ) ถ้าหากเปรียบเทียบกับเมื่อ 3 เดือนก่อนทำการสำรวจนั้น ประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่ามีความเครียดน้อยลง ร้อยละ 77 รอง
ลงมาคือ มีความเครียดเท่าเดิม ร้อยละ 24
(5) ข้อมูลสนับสนุน
รายละเอียดเพิ่มเติม ปรากฏในตารางต่อไปนี้
ข้อความ อันดับความคิดเห็น
1 2 3
ความคิดเห็น ร้อยละ ความคิดเห็น ร้อยละ ความคิดเห็น ร้อยละ
1. ในอาทิตย์ที่ผ่านมาบุคคลที่ทำให้เครียดมากที่สุด สมาชิกในครอบครัว 25 คู่ชีวิต / คู่รัก 19 เพื่อน 15
หัวหน้างาน 15
2.บุคคลที่ทำให้ท่านเครียดบ่อยครั้งที่สุด สมาชิกในครอบครัว 26 คู่ชีวิต / คู่รัก 24 เพื่อน 18
3. สาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด เงิน 33 ความรับผิดชอบเรื่องงาน 25 สภาพแวดล้อม 17
4. เมื่อรู้สึกเครียดมักใช้วิธีคลายเครียดอย่างไร ดูทีวี / ภาพยนตร์ 20 ฟังเพลง 14 ออกกำลังกาย 12
5. วิธีคลายเครียดในข้อ4. ให้ผลในระดับใด ปานกลาง 45 มาก 35 มากที่สุด 11
6. เปรียบเทียบปัจจุบันกับเมื่อ 3เดือนก่อน ท่านรู้สึกว่ามีความเครียด น้อยลง 77 เท่าเดิม 24 มากขึ้น -
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-
ความเครียดเป็นปัญหาหนึ่ง อันเป็นผลพวงจากปัญหาสังคมที่ก่อตัวขึ้นมา โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่มีการแข่งขันกันสูง มีการชิงดีชิงเด่นและ
ความขัดแย้งกัน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ อันจะส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้นมาทีละน้อย และจะทวีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาทางด้านครอบครัวก็เป็นปัญหาหนึ่ง
ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนไทย เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความใกล้ชิดกันมากที่สุด จึงควรรีบเร่งหาทางแก้ไข
มธบ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้ จึงได้ไปทำการสำรวจข้อมูลของประชาชน ว่ากลุ่มใดมีความเครียดมากที่สุด และอะไร
คือสาเหตุของปัญหาเรื่องความเครียด โดยได้ทำการจัดส่งอาจารย์และนักศึกษาลงพื้นที่ที่กำหนด เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลตามหลักระเบียบวิธีวิจัย
(2) วัตถุประสงค์ของการสำรวจ
เพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเครียดของประชาชน ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
(3) ระเบียบวิธีวิจัย
การสุ่มตัวอย่างของประชากรกลุ่มเป้าหมายได้ทำในพื้นที่ต่าง ๆ จังหวัด กรุงเทพมหานคร ภายในวันที่ 30กรกฎาคม 2544 และ 6
สิงหาคม 2544 ซึ่งแบ่งออกเป็นเพศ อายุ และอาชีพ จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 1,015ราย ในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้นักศึกษาออกไปสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง
โดยทางตรง
(4) ผลการสำรวจ
(ก) จากการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างในเรื่องของความเครียด ในอาทิตย์ที่ผ่านมาบุคคลใดที่ทำให้เครียดมากที่สุด จากการสำรวจ
พบว่า สมาชิกในครอบครัว (ยกเว้นคู่สมรส) มีส่วนในการทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด ร้อยละ 25 รองลงมาเป็นคู่ชีวิต / คู่รัก ร้อยละ 19 อันดับ
สาม 3 คือ เพื่อน และหัวหน้างาน ร้อยละ 15
(ข) ส่วนบุคคลที่ทำให้รู้สึกเครียดบ่อยครั้งที่สุดก็คือ สมาชิกในครอบครัว ร้อยละ 26 รองลงมาคือ คู่ชีวิต / คู่รัก ร้อยละ 24อันดับสาม
3 คือ เพื่อน ร้อยละ 18
(ค) สาเหตุที่ทำให้รู้สึกเครียดมากที่สุดก็คือเรื่องเงิน คิดเป็น ร้อยละ 33 รองลงมาคือ ความรับผิดชอบในเรื่องงาน ร้อยละ 25 และ
อันดับ 3 ที่เป็นสาเหตุของความเครียดก็คือ สภาพแวดล้อม ร้อยละ 17
(ง) เมื่อทำการสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่าเมื่อรู้สึกเครียด จะมีวิธีคลายเครียดอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปดูทีวี / ภาพยนตร์
เพื่อผ่อนคลายความเครียด ร้อยละ 20 รองลงมาคือ ฟังเพลง ร้อยละ 14 และอันดับ 3 คือ การออกกำลังกาย ร้อยละ 12
(จ) จากวิธีการคลายเครียดดังกล่าวนั้น เช่น ดูทีวี / ภาพยนตร์, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย ฯลฯ นั้นประชาชนมีความคิดเห็นว่าวิธีดัง
กล่าวช่วยได้ในระดับปานกลางถึง ร้อยละ 45 เห็นด้วยรองลงมาคือ ช่วยได้มาก ร้อยละ 35อันดับ 3 คือ มากที่สุด ร้อยละ 11
(ฉ) ถ้าหากเปรียบเทียบกับเมื่อ 3 เดือนก่อนทำการสำรวจนั้น ประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่ามีความเครียดน้อยลง ร้อยละ 77 รอง
ลงมาคือ มีความเครียดเท่าเดิม ร้อยละ 24
(5) ข้อมูลสนับสนุน
รายละเอียดเพิ่มเติม ปรากฏในตารางต่อไปนี้
ข้อความ อันดับความคิดเห็น
1 2 3
ความคิดเห็น ร้อยละ ความคิดเห็น ร้อยละ ความคิดเห็น ร้อยละ
1. ในอาทิตย์ที่ผ่านมาบุคคลที่ทำให้เครียดมากที่สุด สมาชิกในครอบครัว 25 คู่ชีวิต / คู่รัก 19 เพื่อน 15
หัวหน้างาน 15
2.บุคคลที่ทำให้ท่านเครียดบ่อยครั้งที่สุด สมาชิกในครอบครัว 26 คู่ชีวิต / คู่รัก 24 เพื่อน 18
3. สาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด เงิน 33 ความรับผิดชอบเรื่องงาน 25 สภาพแวดล้อม 17
4. เมื่อรู้สึกเครียดมักใช้วิธีคลายเครียดอย่างไร ดูทีวี / ภาพยนตร์ 20 ฟังเพลง 14 ออกกำลังกาย 12
5. วิธีคลายเครียดในข้อ4. ให้ผลในระดับใด ปานกลาง 45 มาก 35 มากที่สุด 11
6. เปรียบเทียบปัจจุบันกับเมื่อ 3เดือนก่อน ท่านรู้สึกว่ามีความเครียด น้อยลง 77 เท่าเดิม 24 มากขึ้น -
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-