ความปรารถนาแม่ส่วนใหญ่คือให้ลูกสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้และไม่ต้องการให้ลูกไปติดยาเสพติด
วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศอีกวันหนึ่ง คือ “วันแม่” (แม่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ อาชีพของแม่เป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด เป็นอาชีพที่สร้างชาติ ทำงานโดยไม่หวังเงินเดือนหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ มีแต่เสียสละทำหน้าที่เลี้ยงลูกอย่างไม่ย่อท้อ หรือเหน็ดเหนื่อย เพื่อหวังจะให้ลูกเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม) เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณแม่ “ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์” ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จึงได้สำรวจความคิดเห็นของแม่ในเขตกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับเรื่องของแม่” ทุกระดับอาชีพ และ การศึกษาจำนวน 1,132 คน ผลการสำรวจที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
แม่ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ มีลูกเฉลี่ย 2.10 คน โดยที่ร้อยละ 40.2 มีลูก 2 คน ร้อยละ 32.8 มีลูก 1 คน ร้อยละ 16.8 มีลูก 3 คน ร้อยละ 6.7 มีลูก 4 คน ร้อยละ 2.5 มีลูก 5 คน และที่มีลูกถึง 10 คน มีร้อยละ 0.1 โดยมีสัดส่วนของลูกชายและลูกสาว ไม่แตกต่างกัน
เมื่อสอบถามแม่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกตัวเองในปัจจุบันกับการที่ตัวเองถูกเลี้ยงจากแม่ในอดีต แม่ส่วน-ใหญ่ร้อยละ 34.6 ตอบว่าได้ทำหน้าที่ความเป็นแม่ได้ดีกว่าที่แม่ตัวเองทำบ้าง ร้อยละ 23.5 ทำหน้าที่ได้ดีกว่ามาก ร้อยละ 23.4 ทำหน้าที่ได้ดีพอๆ กัน ร้อยละ 9.6 ทำหน้าที่ได้ดีน้อยกว่าบ้าง
เมื่อถามว่าหากมีลูกได้เพียงคนเดียว อยากได้ลูกชายหรือลูกสาวมากกว่ากัน แม่ร้อยละ 58.4 อยากได้ลูกสาวมากกว่าลูกชายแต่เมื่อถามว่าหากย้อนเวลากลับได้ยังต้องการมีลูกอยู่หรือไม่ มีแม่ถึงร้อยละ 52.5 ไม่อยากจะมีลูก
ส่วนคำถามเรื่องความสนใจของลูกที่เกี่ยวข้องกับเพศ พบว่ามีแม่ถึงร้อยละ 77.8 ที่ตอบว่าลูกไม่เคยมาถามเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์เลย สำหรับการสอนลูกเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ มีแม่ที่มีลูกอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่เคยพูดหรือสอนเพียงร้อยละ 26.9 ซึ่งต่างกับแม่ที่มีลูกอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ที่เคยพูดเรื่องนี้ถึงร้อยละ 45.8 เมื่อถามต่อไปว่าถ้าลูกซึ่งอยู่ในวัยเรียนมาถามเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ แม่จะมีวิธีการตอบอย่างไร แม่ร้อยละ 49.6 จะอธิบายให้ลูกฟัง ร้อยละ 30.5 จะบอกว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง ร้อยละ 9.3 จะให้ไปถามพ่อหากเป็นลูกชาย ร้อยละ 4.9 เฉไฉหันความสนใจไปพูดเรื่องอื่น ร้อยละ 4.7 ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับ เพศศึกษามาให้ลูกอ่าน
สำหรับความคิดเห็นของแม่ที่มีต่อเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของลูก แม่ ร้อยละ 47.1 เห็นว่าควรพยายามโน้มน้าวให้ลูกกลับมามีพฤติกรรมปกติ ร้อยละ 26.1 เห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของลูก ร้อยละ 20.9 เห็นควรว่าปรึกษาแพทย์ นักจิตวิทยาเพื่อหาทางบำบัดรักษา และร้อยละ 3.6 เห็นว่าต้องโทษแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ดี
ส่วนความคิดเห็นกรณีที่ลูกสาวไปอยู่กับแฟนก่อนแต่งงาน แม่ที่มีลูกสาว ถึงร้อยละ 71.0 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 22.8 ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ และร้อยละ 6.2 เห็นด้วย ส่วนเรื่องที่ ลูกสาวจะแยกไปอยู่ต่างหากโดยที่ยังไม่มีครอบครัว แม่ร้อยละ 42.5 ยอมรับไม่ได้ ร้อยละ 30.9 ไม่แน่ใจว่าจะยอมรับได้หรือไม่ และ ร้อยละ 26.6 ยอมรับได้
สำหรับสิ่งที่อยากจะให้ลูกเป็นใน 4 เรื่องที่ให้เลือกนั้น แม่มีความต้องการดังต่อไปนี้ ร้อยละ 25.8 ต้องการให้ลูกสามารถเลี้ยงดูตัวเอง รองลงมา ร้อยละ 24.9 ต้องการให้ลูกมีความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่ ร้อยละ 24.7 ต้องการให้ลูกเชื่อฟังอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ และ ร้อยละ 24.6 ต้องการให้ลูกมีมีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง
ส่วนเรื่องที่แม่ไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นกับลูกนั้น พบว่า แม่ไม่ต้องการให้ลูกติดยาเสพติดเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ลูกจะไปคบเพื่อนไม่ดี ลูกจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ลูกจะไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร ลูกจะติดการพนัน ลูกใช้จ่ายไม่ประหยัด ลูกจะไปสูบบุหรี่กินเหล้า และลูกติดเกมส์คอมพิวเตอร์จนเสีย การเรียน และเมื่อสอบถามว่าในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น แม่กังวลใจเรื่องอะไรมากที่สุดนั้น ร้อยละ 61.3 ตอบว่า ไม่ต้องการให้ลูกติดยาเสพติด
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-
วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศอีกวันหนึ่ง คือ “วันแม่” (แม่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ อาชีพของแม่เป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด เป็นอาชีพที่สร้างชาติ ทำงานโดยไม่หวังเงินเดือนหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ มีแต่เสียสละทำหน้าที่เลี้ยงลูกอย่างไม่ย่อท้อ หรือเหน็ดเหนื่อย เพื่อหวังจะให้ลูกเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม) เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณแม่ “ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์” ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จึงได้สำรวจความคิดเห็นของแม่ในเขตกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับเรื่องของแม่” ทุกระดับอาชีพ และ การศึกษาจำนวน 1,132 คน ผลการสำรวจที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
แม่ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ มีลูกเฉลี่ย 2.10 คน โดยที่ร้อยละ 40.2 มีลูก 2 คน ร้อยละ 32.8 มีลูก 1 คน ร้อยละ 16.8 มีลูก 3 คน ร้อยละ 6.7 มีลูก 4 คน ร้อยละ 2.5 มีลูก 5 คน และที่มีลูกถึง 10 คน มีร้อยละ 0.1 โดยมีสัดส่วนของลูกชายและลูกสาว ไม่แตกต่างกัน
เมื่อสอบถามแม่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกตัวเองในปัจจุบันกับการที่ตัวเองถูกเลี้ยงจากแม่ในอดีต แม่ส่วน-ใหญ่ร้อยละ 34.6 ตอบว่าได้ทำหน้าที่ความเป็นแม่ได้ดีกว่าที่แม่ตัวเองทำบ้าง ร้อยละ 23.5 ทำหน้าที่ได้ดีกว่ามาก ร้อยละ 23.4 ทำหน้าที่ได้ดีพอๆ กัน ร้อยละ 9.6 ทำหน้าที่ได้ดีน้อยกว่าบ้าง
เมื่อถามว่าหากมีลูกได้เพียงคนเดียว อยากได้ลูกชายหรือลูกสาวมากกว่ากัน แม่ร้อยละ 58.4 อยากได้ลูกสาวมากกว่าลูกชายแต่เมื่อถามว่าหากย้อนเวลากลับได้ยังต้องการมีลูกอยู่หรือไม่ มีแม่ถึงร้อยละ 52.5 ไม่อยากจะมีลูก
ส่วนคำถามเรื่องความสนใจของลูกที่เกี่ยวข้องกับเพศ พบว่ามีแม่ถึงร้อยละ 77.8 ที่ตอบว่าลูกไม่เคยมาถามเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์เลย สำหรับการสอนลูกเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ มีแม่ที่มีลูกอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่เคยพูดหรือสอนเพียงร้อยละ 26.9 ซึ่งต่างกับแม่ที่มีลูกอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ที่เคยพูดเรื่องนี้ถึงร้อยละ 45.8 เมื่อถามต่อไปว่าถ้าลูกซึ่งอยู่ในวัยเรียนมาถามเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ แม่จะมีวิธีการตอบอย่างไร แม่ร้อยละ 49.6 จะอธิบายให้ลูกฟัง ร้อยละ 30.5 จะบอกว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง ร้อยละ 9.3 จะให้ไปถามพ่อหากเป็นลูกชาย ร้อยละ 4.9 เฉไฉหันความสนใจไปพูดเรื่องอื่น ร้อยละ 4.7 ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับ เพศศึกษามาให้ลูกอ่าน
สำหรับความคิดเห็นของแม่ที่มีต่อเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของลูก แม่ ร้อยละ 47.1 เห็นว่าควรพยายามโน้มน้าวให้ลูกกลับมามีพฤติกรรมปกติ ร้อยละ 26.1 เห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของลูก ร้อยละ 20.9 เห็นควรว่าปรึกษาแพทย์ นักจิตวิทยาเพื่อหาทางบำบัดรักษา และร้อยละ 3.6 เห็นว่าต้องโทษแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ดี
ส่วนความคิดเห็นกรณีที่ลูกสาวไปอยู่กับแฟนก่อนแต่งงาน แม่ที่มีลูกสาว ถึงร้อยละ 71.0 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 22.8 ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ และร้อยละ 6.2 เห็นด้วย ส่วนเรื่องที่ ลูกสาวจะแยกไปอยู่ต่างหากโดยที่ยังไม่มีครอบครัว แม่ร้อยละ 42.5 ยอมรับไม่ได้ ร้อยละ 30.9 ไม่แน่ใจว่าจะยอมรับได้หรือไม่ และ ร้อยละ 26.6 ยอมรับได้
สำหรับสิ่งที่อยากจะให้ลูกเป็นใน 4 เรื่องที่ให้เลือกนั้น แม่มีความต้องการดังต่อไปนี้ ร้อยละ 25.8 ต้องการให้ลูกสามารถเลี้ยงดูตัวเอง รองลงมา ร้อยละ 24.9 ต้องการให้ลูกมีความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่ ร้อยละ 24.7 ต้องการให้ลูกเชื่อฟังอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ และ ร้อยละ 24.6 ต้องการให้ลูกมีมีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง
ส่วนเรื่องที่แม่ไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นกับลูกนั้น พบว่า แม่ไม่ต้องการให้ลูกติดยาเสพติดเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ลูกจะไปคบเพื่อนไม่ดี ลูกจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ลูกจะไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร ลูกจะติดการพนัน ลูกใช้จ่ายไม่ประหยัด ลูกจะไปสูบบุหรี่กินเหล้า และลูกติดเกมส์คอมพิวเตอร์จนเสีย การเรียน และเมื่อสอบถามว่าในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น แม่กังวลใจเรื่องอะไรมากที่สุดนั้น ร้อยละ 61.3 ตอบว่า ไม่ต้องการให้ลูกติดยาเสพติด
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-