คนกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 93.6 เห็นด้วยที่ กทม. จดทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอย
จากกรณีมาเฟียโบ๊เบ๊เมื่อเร็วๆ นี้ส่งผลถึงกรุงเทพมหานครในการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย โดยกำหนดให้ ผู้ค้าลงทะเบียนประวัติในช่วงวันที่ 8-12 เมษายน 2548 นั้น ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์ ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ทุกอาชีพ อายุ การศึกษา เพศ ในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 1,548 คน ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับลงทะเบียนแม่ค้าหาบเร่แผงลอย” ซึ่งผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 86.3 เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าปัจจุบัน กทม. มีมาเฟียที่หากินอยู่กับการทำมาหากินและความเป็นอยู่ของชาว กทม. จำนวนมาก โดยร้อยละ 24.5 คิดว่ามาเฟียของ กทม.เป็นกลุ่มเทศกิจ ร้อยละ 22.5 คิดว่าเป็นกลุ่มตำรวจ ร้อยละ 16.7 คิดว่าเป็นกลุ่มนักเลง ร้อยละ 13.9 คิดว่าเป็นกลุ่มนักการเมือง ร้อยละ 6.9 คิดว่าเป็นกลุ่มทหาร และร้อยละ 15.5 คิดว่าเป็นทุกกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาตามอาชีพพบว่าคนกรุงเทพที่มีอาชีพข้าราชการเห็นว่า ตำรวจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรก ในขณะที่อาชีพพนักงานลูกจ้างเอกชนและ ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวเห็นว่าเทศกิจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรก ส่วนคนกรุงเทพฯ ที่มีการศึกษาสูงตั้งแต่อนุปริญญาจนถึงปริญญาตรีและสูงกว่าเห็นว่าตำรวจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรกในขณะที่ผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาเห็นว่าเทศกิจเป็นกลุ่มมาเฟียเป็นลำดับแรก
สำหรับมาตรการของ กทม. เพื่อขจัดอิทธิพลกลุ่มมาเฟีย โดยให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยมาลงทะเบียนเพื่อจัดทำประวัตินั้น คนกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 93.6 เห็นด้วยต่อมาตรการดังกล่าว
ส่วนการลงทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยจะเกิดประโยชน์กับตัวผู้ค้าหาบเร่แผงลอยโดยตรงหรือไม่นั้น คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 90.8 มีความเห็นในทางสนับสนุน แต่สำหรับวิธีการนี้ คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 79.1 เห็นด้วยว่าจะเกิดผลประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพทางอ้อม และนอกจากนั้นมีถึงร้อยละ 82.6 มีความเห็นว่าวิธีการนี้จะช่วยทำให้ผู้เดินถนนได้รับความสะดวกในการใช้ทางเท้ามากขึ้น
และนอกจากนั้นคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 70.6 ยังมีความเห็นสนับสนุนการลงทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยว่าจะสามารถกำจัดอิทธิพลมาเฟียลงได้ แต่อย่างไรก็ตามความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศจะปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจังนั้น ร้อยละ 66.9 มีความเชื่อว่ามาเฟียจะลดลงบ้างในระยะแรก แต่กลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้า ร้อยละ 19.3 เห็นว่าจะค่อยๆ ลดลงและหมดไปในที่สุด ร้อยละ 13.8 คิดว่าไม่ลดลง
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-
จากกรณีมาเฟียโบ๊เบ๊เมื่อเร็วๆ นี้ส่งผลถึงกรุงเทพมหานครในการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย โดยกำหนดให้ ผู้ค้าลงทะเบียนประวัติในช่วงวันที่ 8-12 เมษายน 2548 นั้น ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์ ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ทุกอาชีพ อายุ การศึกษา เพศ ในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 1,548 คน ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับลงทะเบียนแม่ค้าหาบเร่แผงลอย” ซึ่งผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 86.3 เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าปัจจุบัน กทม. มีมาเฟียที่หากินอยู่กับการทำมาหากินและความเป็นอยู่ของชาว กทม. จำนวนมาก โดยร้อยละ 24.5 คิดว่ามาเฟียของ กทม.เป็นกลุ่มเทศกิจ ร้อยละ 22.5 คิดว่าเป็นกลุ่มตำรวจ ร้อยละ 16.7 คิดว่าเป็นกลุ่มนักเลง ร้อยละ 13.9 คิดว่าเป็นกลุ่มนักการเมือง ร้อยละ 6.9 คิดว่าเป็นกลุ่มทหาร และร้อยละ 15.5 คิดว่าเป็นทุกกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาตามอาชีพพบว่าคนกรุงเทพที่มีอาชีพข้าราชการเห็นว่า ตำรวจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรก ในขณะที่อาชีพพนักงานลูกจ้างเอกชนและ ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวเห็นว่าเทศกิจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรก ส่วนคนกรุงเทพฯ ที่มีการศึกษาสูงตั้งแต่อนุปริญญาจนถึงปริญญาตรีและสูงกว่าเห็นว่าตำรวจเป็นกลุ่มมาเฟียลำดับแรกในขณะที่ผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาเห็นว่าเทศกิจเป็นกลุ่มมาเฟียเป็นลำดับแรก
สำหรับมาตรการของ กทม. เพื่อขจัดอิทธิพลกลุ่มมาเฟีย โดยให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยมาลงทะเบียนเพื่อจัดทำประวัตินั้น คนกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 93.6 เห็นด้วยต่อมาตรการดังกล่าว
ส่วนการลงทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยจะเกิดประโยชน์กับตัวผู้ค้าหาบเร่แผงลอยโดยตรงหรือไม่นั้น คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 90.8 มีความเห็นในทางสนับสนุน แต่สำหรับวิธีการนี้ คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 79.1 เห็นด้วยว่าจะเกิดผลประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพทางอ้อม และนอกจากนั้นมีถึงร้อยละ 82.6 มีความเห็นว่าวิธีการนี้จะช่วยทำให้ผู้เดินถนนได้รับความสะดวกในการใช้ทางเท้ามากขึ้น
และนอกจากนั้นคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 70.6 ยังมีความเห็นสนับสนุนการลงทะเบียนผู้ค้าหาบเร่แผงลอยว่าจะสามารถกำจัดอิทธิพลมาเฟียลงได้ แต่อย่างไรก็ตามความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศจะปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจังนั้น ร้อยละ 66.9 มีความเชื่อว่ามาเฟียจะลดลงบ้างในระยะแรก แต่กลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้า ร้อยละ 19.3 เห็นว่าจะค่อยๆ ลดลงและหมดไปในที่สุด ร้อยละ 13.8 คิดว่าไม่ลดลง
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-