คนกรุงเทพที่มีการศึกษาสูงส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าประโยนชน์จะตกแก่ประชาชนทั่วไปหลังจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าตลาดและเชื่อว่าค่ากระแสไฟจะแพงขึ้น
ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แปลงสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัดไปแล้ว และได้มีการจะกระจายหุ้นให้กับประชาชนปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ดังนั้น ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกระจายหุ้นและประโยชน์ที่ประชาชนได้รับเมื่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยทำการสอบถาม คนกรุงเทพ จำนวน 875 คนเฉพาะที่มีอาชีพรับราชการ(ร้อยละ 32.9) และลูกจ้างเอกชน(ร้อยละ 57.1) ซึ่งส่วนใหญ่จะจบการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป(ร้อยละ 76 โดยผลการสำรวจมีดังนี้
1. ความเชื่อเกี่ยวกับค่ากระแสไฟฟ้า พบว่าร้อยละ 80.2 เชื่อว่าภายหลังมีการนำหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ค่ากระแสไฟฟ้าจะแพงขึ้นกว่าเดิม ร้อยละ 14.3 ไม่แม่ใจ และร้อยละ 5.5 คิดว่าค่ากระแสไฟฟ้าจะถูกลง
2. ความเชื่อด้านบริหารจัดการร้อยละ 40.1 ไม่เชื่อว่าภายหลังการแปลงสภาพแล้วการบริหารจัดการจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ร้อยละ 31.3 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 28.6 เชื่อว่าการบริหารจัดการจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3. ความเชื่อในความสามารด้านกำลังการผลิต ร้เอยละ 37.8 ไม่แน่ใจว่าบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมหาชนจำกัดจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ของประชาชนได้ตลอดไปร้อยละ 34.9 ไม่เชื่อในความสามารถและร้อยละ 27.3 เชื่อ
4. ความเชื่อในด้านผลประโยชน์และการกระจายหุ้นร้อยละ 66.7 ไม่เชื่อว่าการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วประโยชนืจะตกแก่ประชาชนโดยตรงร้อยละ 24.1 ไม่แน่ใจ ในขณะที่ร้อยละ 59.6 เชื่อว่าประชาชนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกระจายห้นที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ร้อยละ 24.2 ไม่แน่ใจ
5. ความเชื่อในการขายสมบั้ติของชาติร้อยละ 55.7 เชื่อว่าการนำ กฟผ. เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นการขายสมบัติของชาติร้อยละ 26.4 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 18.0 ไม่เชื่อ
6. ความเชื่อในความสำเร็จของการคัดค้านร้อยละ 41.7 เชื่อว่าการสร้างกระแสคัดค้านโดยองค์กรเอกชนที่จะไม่ให้ กฟผ. เข้าตลาดหลักทรัพย์จะไม่มีทางเข้าได้สำเร็จ ร้อยละ 39.4 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 18.9 เชื่อ
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-
ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แปลงสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัดไปแล้ว และได้มีการจะกระจายหุ้นให้กับประชาชนปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ดังนั้น ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกระจายหุ้นและประโยชน์ที่ประชาชนได้รับเมื่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยทำการสอบถาม คนกรุงเทพ จำนวน 875 คนเฉพาะที่มีอาชีพรับราชการ(ร้อยละ 32.9) และลูกจ้างเอกชน(ร้อยละ 57.1) ซึ่งส่วนใหญ่จะจบการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป(ร้อยละ 76 โดยผลการสำรวจมีดังนี้
1. ความเชื่อเกี่ยวกับค่ากระแสไฟฟ้า พบว่าร้อยละ 80.2 เชื่อว่าภายหลังมีการนำหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ค่ากระแสไฟฟ้าจะแพงขึ้นกว่าเดิม ร้อยละ 14.3 ไม่แม่ใจ และร้อยละ 5.5 คิดว่าค่ากระแสไฟฟ้าจะถูกลง
2. ความเชื่อด้านบริหารจัดการร้อยละ 40.1 ไม่เชื่อว่าภายหลังการแปลงสภาพแล้วการบริหารจัดการจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ร้อยละ 31.3 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 28.6 เชื่อว่าการบริหารจัดการจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3. ความเชื่อในความสามารด้านกำลังการผลิต ร้เอยละ 37.8 ไม่แน่ใจว่าบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมหาชนจำกัดจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ของประชาชนได้ตลอดไปร้อยละ 34.9 ไม่เชื่อในความสามารถและร้อยละ 27.3 เชื่อ
4. ความเชื่อในด้านผลประโยชน์และการกระจายหุ้นร้อยละ 66.7 ไม่เชื่อว่าการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วประโยชนืจะตกแก่ประชาชนโดยตรงร้อยละ 24.1 ไม่แน่ใจ ในขณะที่ร้อยละ 59.6 เชื่อว่าประชาชนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกระจายห้นที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ร้อยละ 24.2 ไม่แน่ใจ
5. ความเชื่อในการขายสมบั้ติของชาติร้อยละ 55.7 เชื่อว่าการนำ กฟผ. เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นการขายสมบัติของชาติร้อยละ 26.4 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 18.0 ไม่เชื่อ
6. ความเชื่อในความสำเร็จของการคัดค้านร้อยละ 41.7 เชื่อว่าการสร้างกระแสคัดค้านโดยองค์กรเอกชนที่จะไม่ให้ กฟผ. เข้าตลาดหลักทรัพย์จะไม่มีทางเข้าได้สำเร็จ ร้อยละ 39.4 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 18.9 เชื่อ
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-