แท็ก
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์
สุขภัณฑ์กะรัต
วันวิสาขบูชา
โรงแรมคอนราด
เวียนเทียน
เนื่องในวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาของชาวพุทธได้เวียนบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ธุรกิจบัณฑิตย์-โพลล์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของวัยรุ่นไทยในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อต้องการทราบความรู้ ความเข้าใจและพฤติกรรมของวัยรุ่นที่มีต่อวันสำคัญนี้ โดยทำการสอบถามวัยรุ่นจำนวน 1,174 คน ที่มีอายุระหว่าง 13-25 ปี ในทุกๆ กลุ่มอาชีพ เช่น รับราชการ ลูกจ้างเอกชน ทำงานส่วนตัว นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ ระหว่างวันที่ 6-7 พ.ค. 2546 ผลการสำรวจสามารถสรุปผลที่สำคัญได้ดังนี้
วัยรุ่นร้อยละ 43 ทราบความหมายของวันวิสาขบูชาว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แต่มีอีกร้อยละ 46 ได้นำความหมายของวันสำคัญทางศาสนาอื่น คือ วันอาสาฬหบูชาและวันมาฆบูชามาตอบ ส่วนวัยรุ่นอีกร้อยละ 11 ตอบว่าไม่ทราบ
เมื่อถามความสำคัญที่วัยรุ่นให้ต่อวันวิสาขบูชา เปรียบเทียบกับวันที่วัยรุ่นเห็นว่าสำคัญที่สุดเช่น วันพ่อ วันแม่ วันเกิด วันสงกรานต์ฯ พบว่าร้อยละ 66 ให้ความสำคัญพอๆ กัน แต่มีวัยรุ่นถึงร้อยละ 21 ให้ความสำคัญของวันวิสาขบูชา น้อยกว่า
สำหรับกิจกรรมที่วัยรุ่นจะทำในวันนี้ ร้อยละ 47 ตอบว่าจะไปวัดเพื่อเวียนเทียน ร้อยละ 45 จะใส่บาตรทำบุญตอนเช้า ร้อยละ 30 อยู่บ้าน และร้อยละ 6 จะไปร่วมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่ท้องสนามหลวง ซึ่งมีจำนวนเท่ากับที่จะไปเที่ยวศูนย์การค้า
จากการสอบถามความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับคำพังเพย ความเชื่อ หรือสุภาษิตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณงามความดีและการทำบุญ พบว่าวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อในคุณงามความดีอยู่ เช่น คำกล่าวที่ว่าคนทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ วัยรุ่นร้อยละ 50 เห็นด้วย และร้อยละ 31 เห็นด้วยอย่างยิ่ง ส่วนคำกล่าวที่ว่าการใส่บาตรกรวดน้ำจะสามารถส่งผลบุญไปยังผู้ล่วงลับได้ ร้อยละ 52 เห็นด้วย และร้อยละ 30 เห็นด้วยอย่างยิ่ง
สำหรับคำกล่าวที่ว่าคนทำดีได้ดี คนทำชั่วได้ชั่วร้อยละ 47 เห็นด้วย และร้อยละ 37 เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อถามต่อไปถึงคำกล่าวเกี่ยวกับการได้มาซึ่งเงินว่าบางครั้งก็จำเป็นจะต้องยินยอมยกเว้นหรือละเว้นศีลธรรมจรรยาบ้าง พบว่าร้อยละ 32 ตอบว่าไม่แน่ใจ ร้อยละ 28 เห็นด้วย และร้อยละ 25 ไม่เห็นด้วย คำถามเกี่ยวกับความเชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาปร้อยละ 36 เห็นด้วย และร้อยละ 41 เห็นด้วยอย่างมาก ส่วนคำถามที่ว่าคนตายแล้วจะกลับมาเกิดใหม่ได้ในชาติหน้านั้น ร้อยละ 61 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 17 เห็นด้วย และร้อยละ 13 ไม่เห็นด้วย
จากการสอบถามว่าวัยรุ่นที่ไปเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาเป็นคนเชยหรือไม่ มีวัยรุ่นถึงร้อยละ 84 ที่ไม่เห็นว่าเป็นคนเชย
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-
วัยรุ่นร้อยละ 43 ทราบความหมายของวันวิสาขบูชาว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แต่มีอีกร้อยละ 46 ได้นำความหมายของวันสำคัญทางศาสนาอื่น คือ วันอาสาฬหบูชาและวันมาฆบูชามาตอบ ส่วนวัยรุ่นอีกร้อยละ 11 ตอบว่าไม่ทราบ
เมื่อถามความสำคัญที่วัยรุ่นให้ต่อวันวิสาขบูชา เปรียบเทียบกับวันที่วัยรุ่นเห็นว่าสำคัญที่สุดเช่น วันพ่อ วันแม่ วันเกิด วันสงกรานต์ฯ พบว่าร้อยละ 66 ให้ความสำคัญพอๆ กัน แต่มีวัยรุ่นถึงร้อยละ 21 ให้ความสำคัญของวันวิสาขบูชา น้อยกว่า
สำหรับกิจกรรมที่วัยรุ่นจะทำในวันนี้ ร้อยละ 47 ตอบว่าจะไปวัดเพื่อเวียนเทียน ร้อยละ 45 จะใส่บาตรทำบุญตอนเช้า ร้อยละ 30 อยู่บ้าน และร้อยละ 6 จะไปร่วมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่ท้องสนามหลวง ซึ่งมีจำนวนเท่ากับที่จะไปเที่ยวศูนย์การค้า
จากการสอบถามความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับคำพังเพย ความเชื่อ หรือสุภาษิตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณงามความดีและการทำบุญ พบว่าวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อในคุณงามความดีอยู่ เช่น คำกล่าวที่ว่าคนทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ วัยรุ่นร้อยละ 50 เห็นด้วย และร้อยละ 31 เห็นด้วยอย่างยิ่ง ส่วนคำกล่าวที่ว่าการใส่บาตรกรวดน้ำจะสามารถส่งผลบุญไปยังผู้ล่วงลับได้ ร้อยละ 52 เห็นด้วย และร้อยละ 30 เห็นด้วยอย่างยิ่ง
สำหรับคำกล่าวที่ว่าคนทำดีได้ดี คนทำชั่วได้ชั่วร้อยละ 47 เห็นด้วย และร้อยละ 37 เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อถามต่อไปถึงคำกล่าวเกี่ยวกับการได้มาซึ่งเงินว่าบางครั้งก็จำเป็นจะต้องยินยอมยกเว้นหรือละเว้นศีลธรรมจรรยาบ้าง พบว่าร้อยละ 32 ตอบว่าไม่แน่ใจ ร้อยละ 28 เห็นด้วย และร้อยละ 25 ไม่เห็นด้วย คำถามเกี่ยวกับความเชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาปร้อยละ 36 เห็นด้วย และร้อยละ 41 เห็นด้วยอย่างมาก ส่วนคำถามที่ว่าคนตายแล้วจะกลับมาเกิดใหม่ได้ในชาติหน้านั้น ร้อยละ 61 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 17 เห็นด้วย และร้อยละ 13 ไม่เห็นด้วย
จากการสอบถามว่าวัยรุ่นที่ไปเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาเป็นคนเชยหรือไม่ มีวัยรุ่นถึงร้อยละ 84 ที่ไม่เห็นว่าเป็นคนเชย
--ธุรกิจบัณฑิตย์โพลล์--
-พห-