EXIM BANK มีผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2553 เป็นกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมายกำไรสุทธิที่กำหนดไว้ที่ 230 ล้านบาทสำหรับปี 2553
นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2553 ว่า EXIM BANK ได้อนุมัติวงเงินใหม่สำหรับสินเชื่อและรับประกันการส่งออกเพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทยจำนวนทั้งสิ้น 14,795 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อจำนวน 50,956 ล้านบาท และภาระผูกพันประกันการส่งออกจำนวน 32,390 ล้านบาท
จากความผันผวนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจภาคการส่งออกของไทย ทำให้ผู้ส่งออกสูญเสียรายได้หรือขาดทุนจากการขายสินค้า เนื่องจากนำรายได้เงินตราต่างประเทศมาแลกเป็นสกุลเงินบาทได้น้อยลงจากรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเท่าเดิม EXIM BANK ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทแข็งค่าต่อผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออก SMEs ประกอบด้วย 1) สินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออกเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ผู้ส่งออกใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการจัดเตรียมสินค้าส่งออก โดยผู้ส่งออกสามารถนำเงินดอลลาร์ สหรัฐมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท ณ วันที่กู้และเมื่อถึงวันกำหนดชำระหนี้เงินกู้ ลูกค้าสามารถนำเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมาชำระหนี้กับ EXIM BANK ได้ทันที 2) สินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออกเป็นสกุลเงินบาท ควบคู่กับบริการทำสัญญาขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้า (Forward Contract) ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ผู้ส่งออกสามารถคำนวณต้นทุนและกำไรจากการส่งออกได้แน่นอนตั้งแต่วันที่ทำ Forward Contract
ขณะเดียวกัน EXIM BANK สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากภาวะเงินบาทแข็งค่าออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากความพร้อมด้านวัตถุดิบในการผลิตและแรงงาน ตลอดจนสิทธิประโยชน์ในการส่งออกไปประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในตลาดการค้าเสรี “อาเซียน+6” ประกอบด้วยอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย โดย EXIM BANK พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกระทรวงพาณิชย์ ในการสนับสนุนนักลงทุนไทยในต่างประเทศ รวมทั้ง EXIM BANK ได้จัดทำ “โครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต(Modernization Program)” ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากภาวะเงินบาทแข็งค่านำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
EXIM BANK ยังช่วยผู้ส่งออกลดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศด้วยการขยายบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance) ผ่านความร่วมมือกับธนาคารต่างๆ โดยเมื่อเดือนกันยายน 2553 EXIM BANK ร่วมกับ 9 ธนาคารประกอบด้วย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน “เอ็กซิมชัวรันซ์ อะไลอันซ์ แฟร์ (EXIMSurance Alliance Fair)” เพื่อร่วมกันออกบูธให้คำปรึกษาแนะนำและบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance) รวมทั้งบริการอื่นๆ ด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยบุกเบิกหรือขยายตลาดการค้าโลกอย่างมั่นใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-7
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2553--