คาซัคสถานเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในภูมิภาคเอเชียกลางด้วยกำลังซื้อของชาวคาซัคสถานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวเฉลี่ย 9% ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และ The Economist Intelligence Unit (EIU) คาดว่าในช่วงปี 2554-2558 เศรษฐกิจคาซัคสถานจะยังเติบโตอย่างมีเสถียรภาพด้วยอัตราขยายตัวเฉลี่ย 6% ต่อปี จากอานิสงส์ของมูลค่าส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นมากตามราคาในตลาดโลก รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามา เนื่องจากคาซัคสถานเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อาทิ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และแร่มีค่าต่างๆ เช่น ทองคำ และเงิน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวคาซัคสถานเพิ่มขึ้นจากราว 8,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 เป็น 16,200 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 คาซัคสถานจึงเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม
ทั้งนี้ เพื่อให้การติดต่อธุรกิจกับชาวคาซัคสถานประสบผลสำเร็จ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเกร็ดน่ารู้ต่างๆ ดังนี้
1. ภาษาที่ใช้ในการเจรจาธุรกิจ คาซัคสถานใช้ภาษารัสเซียและภาษาคาซัคเป็นภาษาราชการ ดังนั้น การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการในประเทศจึงสามารถใช้ได้ทั้งสองภาษา ขณะที่ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีการใช้อย่างกว้างขว้าง การติดต่อหน่วยงานราชการและเจรจาธุรกิจจึงควรใช้ล่ามภาษารัสเซีย และพิจารณาเลือกล่ามที่มีทักษะหรือประสบการณ์ในการเข้าร่วมเจรจาธุรกิจมาก่อน ซึ่งจะช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ ชาวคาซัคสถานที่นิยมใช้ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในภาคธุรกิจบริการ เช่น โรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น
2. การทักทาย ชาวคาซัคสถานทักทายกันตามแบบสากลนิยมด้วยการสัมผัสมือพร้อมกับยิ้ม ก่อนกล่าวคำว่า “สวัสดี” ในภาษารัสเซียว่า “Dobraye Utra” (อ่านว่า โด้บ-บรา-เย่-อู-ตร้า) ซึ่งใช้ได้ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงกลางวัน หรือ “Dobryy Den” (อ่านว่า โด้บ-บรี่ย-เด็น) ในช่วงบ่ายถึงช่วงเย็น และ “Dobryy Vecher” (อ่านว่า โด้บ-บรี่ย-เวชิร) ในช่วงเย็นถึงช่วงค่ำ อย่างไรก็ตาม ชาวคาซัคสถานที่นับถือศาสนาอิสลามบางส่วนอาจเลี่ยงการสัมผัสมือทักทายระหว่างสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี แต่จะยิ้มและกล่าวคำทักทายกันเท่านั้น นอกจากนี้ ในการทักทายและเจรจาธุรกิจกับชาวคาซัคสถานไม่ควรเรียกชื่อตัวของคู่สนทนาเนื่องจากเป็นชื่อที่นิยมใช้เรียกกันในครอบครัวและระหว่างเพื่อนสนิท เว้นแต่คู่สนทนาจะอนุญาต ทั้งนี้ การกล่าวคำทักทายด้วยภาษารัสเซียซึ่งเป็นภาษาที่นิยมใช้ในท้องถิ่นจะแสดงถึงความใส่ใจและสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่คู่สนทนาได้เป็นอย่างดี
3. การนัดหมายและเจรจาธุรกิจ ควรติดต่อนัดหมายล่วงหน้าราว 2-3 สัปดาห์และยืนยันการนัดหมายอีกครั้งก่อนถึงกำหนดประมาณ 2-3 วัน ทั้งนี้ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจกับชาวคาซัคสถานควรให้เวลาและความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดีเพื่อสร้างความไว้วางใจก่อนเริ่มเจรจาธุรกิจ โดยอาจนัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจระหว่างมื้ออาหารกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเพื่อทำความรู้จัก และสร้างความคุ้นเคยระหว่างกัน รวมทั้งควรเลือกสถานที่นัดหมายใกล้กับที่ทำงานของคู่เจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งในเมืองอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน และเพื่อให้มีเวลาในการพูดคุยเรื่องธุรกิจกันนานขึ้น ตลอดจนเพื่อความสะดวกของคู่เจรจาที่อาจต้องกลับมาทำพิธีละหมาดในช่วงบ่าย
4. การแต่งกาย สุภาพบุรุษควรแต่งกายด้วยสูทสากลสีเข้ม ขณะที่สุภาพสตรีควรสวมชุดสูทกระโปรงสีสุภาพและมิดชิด หรือสวมกางเกงขายาวสีสุภาพ และไม่ควรสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า รวมทั้งเสื้อคอลึกหรือเปิดไหล่ เนื่องจากชาวคาซัคสถานส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องการแต่งกายโดยเฉพาะสุภาพสตรี
5. การร่วมรับประทานอาหารค่ำ ชาวคาซัคสถานมีอัธยาศัยและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี จึงนิยมเชิญแขกไปสังสรรค์และร่วมรับประทานอาหารค่ำที่บ้าน หากได้รับเชิญไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านของคู่เจรจาชาวคาซัคสถาน ควรแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของบ้าน และควรเผื่อเวลาเดินทางเพื่อให้มาถึงบ้านก่อนเวลารับประทานอาหารเล็กน้อย และหากคาดว่าจะมาถึงช้ากว่าเวลานัดหมายควรโทรแจ้งเจ้าของบ้านก่อน เนื่องจากการมาสายโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าถือเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพ ทั้งนี้ ควรเตรียมขนมหรือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ หรือของฝากที่ขึ้นชื่อของประเทศผู้มาเยือนเพื่อมอบแก่เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นการแสดงความมีน้ำใจและความขอบคุณ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการมอบของขวัญประเภทเหล้า ไวน์ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของชาวมุสลิม
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มิถุนายน 2554--