ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันสูญหายไปจากโลก เพราะอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ต่อการดำรงชีวิต แม้แต่ละคนมีวิถีและรสนิยมที่แตกต่างกัน อาทิ บางคนนิยมเลือกรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า บางคนเลือกร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีแถบชานเมืองในวันพักผ่อน บางคนอาจเลือกร้านอาหารหรูในโรงแรมสำหรับวันสำคัญ แต่ร้านอาหารที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือก คือ ร้านอาหารริมทาง (Street Food/ Kiosks) หรือรถเข็นริมทาง ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดเล็กหรือกลาง อาจเป็นแผงร้านหรือรถเข็น มักอยู่ตามข้างทางบริเวณแหล่งชุมชน เน้นจำหน่ายอาหารที่ปรุงสำเร็จ และมีราคาไม่แพง จึงเหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ซึ่งมีรายได้ปานกลางถึงต่ำในเกือบทุกประเทศ รวมทั้งผู้อยู่ในวัยทำงานซึ่งต้องการความสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ร้านอาหารริมทางยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมการกินในท้องถิ่นนั้นๆ
ร้านอาหารริมทางของแต่ละประเทศทั่วโลกมักมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ เป็นร้านเล็กๆ และวางจำหน่ายอาหารที่พร้อมรับประทานได้ทันที อาทิ แผงขาย Kwek-Kwek หรือไข่นกกระทาชุบแป้งทอดในฟิลิปปินส์ และรถเข็นขายไส้กรอกในเยอรมนี ทั้งนี้ Euromonitor International ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ระบุว่า แม้ในปี 2553 ยอดจำหน่ายของร้านอาหารริมทางโดยรวมของโลกจะไม่สูงนัก คือ มีมูลค่าราว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับร้านอาหารแบบภัตตาคารซึ่งมียอดจำหน่ายราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ธุรกิจร้านอาหารริมทางของโลกกลับมีทิศทางเติบโตอย่างโดดเด่น และมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในด้านยอดขาย และจำนวนร้านค้า ในอัตราสูงกว่าธุรกิจร้านอาหารประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารแบบภัตตาคาร (Full-service Restaurants) ร้านอาหารแบบบริการตัวเอง (Self-service Cafeterias) เป็นต้น
ปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารริมทางในตลาดโลก
-การขยายตัวของสังคมเมืองในเกือบทั่วทุกภูมิภาคของโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการร้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในสังคมเมือง และขนาดครอบครัวที่เล็กลง ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะร้านอาหารริมทางมากขึ้น แทนการปรุงอาหารรับประทานเอง เนื่องจากสะดวก ประหยัด และมีอาหารหลากหลายให้เลือกรับประทาน ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ประเมินว่าสัดส่วนประชากรในเมืองของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28.8 ของจำนวนประชากรทั้งหมดของโลกในปี 2493 เป็นร้อยละ 68.7 ในปี 2593
-การชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่มีรายได้ลดลงหันมาใช้บริการร้านอาหารริมทางมากขึ้น หรือบ่อยครั้งขึ้น เนื่องจากราคาจำหน่ายอาหารในร้านอาหารริมทางต่ำกว่าร้านอาหารแบบอื่น นอกจากนี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจยังจูงใจให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่มีรายได้ลดลงหรือถูกเลิกจ้างงานหันมาสนใจเพิ่มรายได้ด้วยการประกอบธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ รวมถึงการเปิดร้านอาหารริมทางซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มาก จึงมีแนวโน้มที่จะมีร้านอาหารริมทางเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
โอกาสของผู้ประกอบไทย
ธุรกิจร้านอาหารริมทางเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสทั้งด้านการค้าและด้านการลงทุนให้กับผู้ประกอบไทยได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
-ด้านการค้า ผู้ประกอบไทยสามารถขยายช่องทางตลาดส่งออกสินค้าอาหารและส่วนประกอบของอาหารได้ นอกเหนือจากเดิมที่ส่งออกเพื่อวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรงผ่านร้านค้าปลีกต่างๆ และจำหน่ายให้แก่ร้านอาหารขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตและส่งออกสินค้าอาหาร รวมทั้งส่วนประกอบของอาหารที่เหมาะสำหรับธุรกิจร้านอาหารริมทาง อาทิ เกี๊ยวกุ้งหรือลูกชิ้นพร้อมปรุงที่เหมาะสำหรับใส่ในก๋วยเตี๋ยวน้ำ รวมถึงเครื่องปรุงที่บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับการพกพา ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการที่หลายประเทศให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหารของร้านอาหารริมทางมากขึ้น นับเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าอาหารไทยซึ่งได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานความปลอดภัยจากหลายประเทศทั่วโลก
-ด้านการลงทุน ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะเข้าไปลงทุนเปิดร้านอาหารในลักษณะร้านอาหารไทยริมทางในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558 เนื่องจากเดิมร้านอาหารไทยในต่างประเทศมักจะเป็นร้านอาหารแบบภัตตาคารซึ่งมีราคาจำหน่ายอาหารค่อนข้างสูง แต่การจำหน่ายในลักษณะร้านอาหารริมทาง อาทิ รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวใน สปป.ลาว และรถเข็นขายข้าวมันไก่ในกัมพูชา ทำให้ผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางมีโอกาสเข้าถึงอาหารไทยได้มากขึ้น และทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขวางขึ้น ทั้งนี้ ธุรกิจร้านอาหารริมทางที่มีแนวโน้มสดใส ยังส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่ผลิตรถเข็นหรือแผงเคลื่อนที่เพื่อไปจำหน่ายในต่างประเทศ อาทิ EU หรือ สหรัฐฯ ซึ่งมีแรงงานตกงานจำนวนมากขึ้น และหันมาสนใจประกอบอาชีพส่วนตัวด้วยการเปิดร้านอาหารเล็กๆ ริมทาง
ทั้งนี้ การลงทุนร้านอาหารไทยริมทางในต่างประเทศอาจเผชิญข้อจำกัดจากการที่หลายประเทศมีแนวโน้มออกมาตรการควบคุมร้านอาหารริมทางมากขึ้น ทั้งด้านความสะอาดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และการจำกัดพื้นที่จำหน่ายเพื่อความเป็นระเบียบ ขณะเดียวกันการแข่งขันธุรกิจร้านอาหารประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะร้านอาหารฟาสต์ฟูด อาจส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจร้านอาหารไทยริมทางในบางประเทศขยายตัวได้ไม่รวดเร็วนัก
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
"...แหล่งธุรกิจร้านอาหารริมทางที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ กลุ่มประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก อาทิ อินเดีย จีน ไต้หวัน เวียดนาม และไทย ทั้งนี้ Euromonitor International คาดว่า ในปี 2558 อินเดียจะเป็นประเทศที่มียอดจำหน่ายจากร้านอาหารริมทางสูงที่สุดในโลก..."
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2555--