ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางบริการทางการเงินระดับโลก นอกจากนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้นโยบาย YourSingapore ทำให้มีนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาสิงคโปร์อย่างไม่ขาดสาย ธุรกิจบริการด้านอาหารในสิงคโปร์จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งสามารถตอบสนองความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจบริการด้านอาหารในสิงคโปร์ ได้แก่
-ธุรกิจบริการด้านอาหารมีแนวโน้มขยายตัวตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของสิงคโปร์ Siape Tuism Ba (STB) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 11.6 ล้านคน ในปี 2553 เป็น 13.2 ล้านคนในปี 2554 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นมูลค่า 22 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2553 ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการจำหน่ายอาหาร 2.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดและเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปี 2553 ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์มากที่สุดเป็นนักท่องเที่ยวจากอาเซียนถึง 5.4 ล้านคน หรือร้อยละ 41 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทำให้ ผู้ส่งออกไทยมีความได้เปรียบในการขยายตลาดสินค้าอาหารไปยังอาเซียน ทั้งด้วยปัจจัยเอื้อจากความใกล้ชิดและความเข้าใจรสนิยมของผู้บริโภคในอาเซียนเป็นอย่างดี รวมถึงมีโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารฮาลาลเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมอีกด้วย
-รสนิยมการบริโภคของชาวสิงคโปร์สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตสมัยใหม่ ชาวสิงคโปร์นิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน เนื่องจากวิถีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบทำให้มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ในการประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้าน อีกทั้งในวันหยุดชาวสิงคโปร์นิยมพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารหรือภัตตาคาร นอกจากนี้ ชาวสิงคโปร์ยังมีนิสัยชอบลิ้มลองอาหารรสชาติแปลกใหม่ และมีความคุ้นเคยกับอาหารไทยเป็นอย่างดี จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารในสิงคโปร์เพื่อป้อนวัตถุดิบหรือขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารได้อีกทางหนึ่ง
-อาหารเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลสิงคโปร์มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยชูจุดขายในการเป็นประเทศปลายทางของการให้บริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทางหนึ่ง จึงทำให้กระแสความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์มีแนวโน้มขยายตัว ดังเห็นได้จากร้านค้าปลีกวางจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีรายได้ค่อนข้างสูง จึงให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคา ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs หรือ OTOP ในการขยายตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเกษตรอินทรีย์ หรืออาหารที่ทำจากสมุนไพร เพื่อเจาะตลาดลูกค้าระดับบน
ตามที่รัฐบาลไทยกำหนดยุทธศาสตร์ "ครัวไทยสู่ครัวโลก" เพื่อส่งเสริมธุรกิจบริการด้านอาหารของไทย โดยเฉพาะการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอาหารส่งออก รวมถึงการสนับสนุนการขยายร้านอาหารไทย ในต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้าอาหารในสิงคโปร์ รวมทั้งนักลงทุนไทย ที่สนใจเข้าไปลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารในสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม Depatmet f Statistics ของสิงคโปร์ (SINGSTAT) รายงานจำนวนร้านอาหารในสิงคโปร์ปี 2554 อยู่ที่ 6,453 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารขนาดเล็ก (พนักงานน้อยกว่า 10 คน) 2,805 แห่ง และร้านอาหารขนาดกลาง (พนักงาน 10-99 คน) 3,566 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนรวมกันเกือบร้อยละ 99 ของจำนวนร้านอาหารทั้งหมดในสิงคโปร์ ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และค่าเช่าพื้นที่ที่อยู่ในระดับสูง นักลงทุนจึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน ควบคู่ไปกับการศึกษากฎระเบียบและขั้นตอนในการจัดตั้งร้านอาหารในสิงคโปร์ รวมถึงกฎระเบียบและมาตรการนำเข้าสินค้าอาหารของสิงคโปร์ เพื่อให้การทำธุรกิจบริการด้านอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--