บทความน่ารู้จาก Exim: ธุรกิจท่องเที่ยวในมาเลเซีย...ศักยภาพที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 29, 2013 15:34 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตจากที่มุ่งเน้นการเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแบบจำนวนมาก(Mass Production) ไปเป็นประเทศที่มุ่งเน้นภาคบริการและการผลิตสินค้าที่อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลมาเลเซียยังให้ความสำคัญต่อการผลักดันการพัฒนาประเทศเพื่อก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2563 ผ่านการดำเนินงานภายใต้แนวคิดต้นแบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Model : NEM) ซึ่งประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2554 โดยมุ่งพัฒนาระบบการศึกษา ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค และให้ความสำคัญกับภาคเศรษฐกิจหลัก (National Key Economic Areas : NKEAs) 12 กลุ่ม ประกอบด้วยภาคพลังงาน ปาล์มน้ำมัน ภาคการเงิน ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร การศึกษา ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริการทางธุรกิจ บริการทางการแพทย์ เกษตรกรรม และ Greater Kuala Lumpur (เขตเมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและธุรกิจสำคัญของประเทศ) เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะข้างหน้า

เป็นที่น่าสังเกตว่าธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจหลักที่รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ ซึ่งหากพิจารณานโยบายของรัฐบาลมาเลเซียที่มุ่งเน้นการเปิดเสรีภาคบริการให้มากขึ้นและศักยภาพของธุรกิจท่องเที่ยวของมาเลเซียที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จาก The Travel & Tourism Competitiveness Report 2013 ของ World Economic Forum (WEF) ได้ปรับเพิ่มอันดับ ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของมาเลเซียจากอันดับที่ 35 ในปี 2554 เป็นอันดับที่ 34 ในปี 2556 จากการจัดอันดับทั้งหมด 140 ประเทศ ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ดังนั้น จึงนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่มีจุดแข็งและความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวจะเข้าไปขยายธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในมาเลเซีย

ปัจจัยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวในมาเลเซีย
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ปัจจุบันมาเลเซียประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการพัฒนาและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว สะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมามาเลเซียในปี 2555 มากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ด้วยจำนวน 25.03 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่า 60.6 พันล้านริงกิต (ราว 18.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 36 ล้านคน และเพิ่มรายได้เข้าประเทศเป็น 168 พันล้านริงกิต (ราว 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2563
  • รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง รัฐบาลมาเลเซียเล็งเห็นความสำคัญของภาคการท่องเที่ยว จึงวางแผนและเตรียมการพัฒนามาอย่างยาวนาน สะท้อนได้จากความสำเร็จจากการเปิดตัวแคมเปญ “Malaysia Truly Asia” ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2542 และได้กระแสตอบรับจากทั่วโลกเป็นอย่างดี แคมเปญดังกล่าวสามารถเสริมสร้างวิสัยทัศน์ด้านศักยภาพของการท่องเที่ยวมาเลเซียในเวทีโลก อีกทั้งยังสามารถสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของมาเลเซียได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันยังทำให้มาเลเซีย กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับ 1 ในภูมิภาค ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียได้กำหนดให้ปี 2557 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia (VMY) 2014 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้ง ที่ 4 โดยใช้สโลแกนประจำปีว่า “One Malaysia Truly Asia” ซึ่งหมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวของความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ของมาเลเซีย
  • รัฐบาลมาเลเซียตั้งเป้าหมายยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อก้าวไปสู่ระดับ High-end ให้สำเร็จภายในปี 2563 โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มระยะเวลาท่องเที่ยวในมาเลเซียให้นานขึ้น และขยายส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มเติมจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และไทย อีกทั้งยังเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ นักท่องเที่ยวจาก

ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States : CIS) นอกจากนี้ รัฐบาลมาเลเซียยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวให้หลากหลาย อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการท่องเที่ยวเชิงการศึกษา เป็นต้น

มาเลเซียมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก
  • แหล่งท่องเที่ยว มาเลเซียเป็นแหล่งรวมของวัฒนธรรมหลายเชื้อชาติทั้งมาเลย์ จีน และอินเดียทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Tower) ลานเอกราช(Merdeka Square) อาคารสุลต่านอับดุลซามัค (Sultan Abdul Samad Building) เมืองใหม่ปุตราจายา (Putrajaya)เมืองเกนติ้งไฮแลนด์ (Genting Highlands) และสวนสนุกเลโก้แลนด์ (Legoland) ซึ่งเป็นแห่งที่ 6 ของโลกและแห่งแรกในเอเชีย เป็นต้น นอกจากนี้ มาเลเซียยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก 5 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติคินาบาลู
(Kinabalu National Park) อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู (Gunung Mulu National Park) เมืองมะละกา (Malacca City) เมืองจอร์จทาวน์ (George Town) และแหล่งโบราณคดีหุบเขาเล็งกอง (Lenggong) ขณะที่ชายหาดของมาเลเซียยังสวยงามติดอันดับโลก ล่าสุดสำนักข่าว CNN ได้จัดอันดับ 100 ชายหาดที่สวยงามที่สุดในโลก โดยชายหาดของมาเลเซียติด 50 อันดับแรกถึง 3 แห่ง คือ ชายหาดบนเกาะ Pulau Perhentian Kecil Island (อันดับที่ 13) ชายหาด Juara บนเกาะ Tioman Island (อันดับที่ 21) และชายหาด Tanjung Rhu บนเกาะ Langkawi (อันดับที่ 49)
  • กิจกรรมสำคัญและเทศกาลประจำปี นอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายแล้ว มาเลเซียยังมีกิจกรรมสำคัญและเทศกาลประจำปีจำนวนมากที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมสำคัญระดับโลกที่จัดขึ้นในมาเลเซีย คือ Malaysian Grand Prix หรือการจัดการแข่งขันรถ Formula One ที่สนาม Sepang International Circuit นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลส่งเสริมด้านวัฒนธรรม ซึ่งจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยใช้ชื่องานว่า “Colors of Malaysia” ซึ่งเป็นการแสดง แสง สี เสียง เพื่อฉลองความเป็นมาอันยาวนานด้านศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่หลากหลายของกลุ่มคนแต่ละเชื้อชาติในมาเลเซีย ส่วนเทศกาลลดราคาสินค้าซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวต่างชาติมี 2 ช่วง คือ ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี เป็นเทศกาล Malaysia Mega Sale และในช่วงปลายปีตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนมกราคมของปีถัดไป เป็นเทศกาล Malaysia Year-End Sale
โอกาสการลงทุนของผู้ประกอบการไทย

การลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในมาเลเซียที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม สวนสนุก สิ่งก่อสร้างสำหรับพักผ่อนในวันหยุด ศูนย์ประชุมที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้อย่างน้อย 3,000 คน ซึ่งธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการไทยมีความชำนาญ ประกอบกับมาเลเซียยังมีความต้องการโรงแรมและที่พักจำนวนมาก สะท้อนได้จากอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) ของมาเลเซียในปี 2555 โดยเฉพาะรัฐ Pahang ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงที่สุดที่ร้อยละ 81.8 และกรุงกัวลาลัมเปอร์ (ร้อยละ 69.3) จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจโรงแรมในมาเลเซียที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนต้องเป็นการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ระดับ 1-5 ดาว และการขยายหรือการปรับปรุงโรงแรมที่มีอยู่เดิมให้ดูทันสมัยขึ้น โดยสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่จะได้รับสามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คือ Pioneer Status และ Investment Tax Allowance (ITA) ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ได้อย่างใดอย่างหนึ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่สุดได้ที่ Malaysian Industrial Development Authority (MIDA)ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการลงทุน โดยมีรายละเอียดพอสังเขป ดังนี้

  • Pioneer Status ผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ในกลุ่มนี้จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลบางส่วนเป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการ โดยนำรายได้เพียงร้อยละ 30 ของเงินได้สุทธิมาใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีในอัตราปกติ และหากลงทุนก่อสร้างโรงแรม 4-5 ดาวในพื้นที่ที่รัฐบาลมาเลเซียส่งเสริมเป็นพิเศษ อาทิ รัฐ Sabah และรัฐ Sarawak จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปี
  • Investment Tax Allowance (ITA) ผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ในกลุ่มนี้สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการลงทุนตามเงื่อนไขของ MIDA มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ร้อยละ 60 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าว ก่อนนำไปคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราปกติ แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของเงินได้สุทธิในปีนั้นเป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่ค่าใช้จ่ายนั้นเกิดขึ้น ส่วนที่เหลือจึงจะนำมาคำนวณเพื่อชำระภาษีในอัตราปกติ และหากลงทุนก่อสร้างโรงแรม 4-5 ดาวในพื้นที่ที่รัฐบาลมาเลเซียส่งเสริมเป็นพิเศษ อาทิ รัฐ Sabah และรัฐ Sarawak สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เต็มจำนวนและได้สูงสุดถึงร้อยละ 100 ของเงินได้สุทธิ

นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ทั้ง 2 ประเภทแล้ว รัฐบาลมาเลเซียยังให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว อาทิ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนสองเท่าของค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในมาเลเซียที่ได้รับอนุมัติจากทางการรวมทั้งการยกเว้นภาษีสำหรับตัวแทนนำเที่ยว เป็นต้น

โอกาสการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในมาเลเซียยังเปิดกว้างอยู่มาก ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจึงควรศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะกฎระเบียบด้านการลงทุน ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจในมาเลเซียเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถใช้ประโยชน์จากการก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมือระหว่างไทยและมาเลเซียเสรีมากขึ้น

Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2556--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ