รู้ลึก AEC: การปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศของอินโดนีเซียกับโอกาสการลงทุนของไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 31, 2015 11:22 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในแหล่งการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพของอาเซียน สะท้อนได้จากการเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรราว 250 ล้านคน มากที่สุดในอาเซียน อีกทั้งเศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวดีต่อเนื่อง เฉลี่ยร้อยละ 5.8 ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5.3 ต่อปีในช่วงปี 2558-2563 ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายเร่งส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการเกื้อหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งช่วยพัฒนาศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานตลอดจนสร้างโอกาสในการจ้างงานให้กับประชากรในประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ของอินโดนีเซียในช่วงปี 2553-2557 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 15.6 ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าอินโดนีเซียเป็นแหล่งลงทุนเป้าหมายที่มีศักยภาพสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

กฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลอินโดนีเซียปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) อย่างสมบูรณ์ในปี 2558 ล่าสุดรัฐบาลอินโดนีเซียได้ปรับปรุงกฎระเบียบว่าด้วยเงื่อนไขการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ (Negative Investment List) ฉบับที่ 39/2014 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ครอบคลุมการเพิ่มประเภทของธุรกิจที่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในรูปแบบร่วมทุนได้ รวมทั้งการเพิ่มและลดสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในธุรกิจหลายประเภท โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

โอกาสการลงทุนของไทยในอินโดนีเซีย

การปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติฉบับใหม่มีส่วนทำให้โอกาสการลงทุนในอินโดนีเซียเปิดกว้างมากขึ้น เมื่อประกอบกับจุดแข็งของอินโดนีเซียในด้านการมีทรัพยากรในประเทศอุดมสมบูรณ์ มีแรงงานวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก และค่าจ้างแรงงานถูก จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนไทยที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการขยาย การลงทุนในอินโดนีเซีย สำหรับธุรกิจของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงกฎระเบียบใหม่และนักลงทุนไทยมีศักยภาพในการขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย อาทิ

  • ธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่ โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่ยังต้องการการพัฒนาอีกมาก สะท้อนได้จากการที่อินโดนีเซียยังมีกระแสไฟฟ้าใช้ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันอัตราการเข้าถึงกระแสไฟฟ้าของอินโดนีเซียอยู่ที่ร้อยละ 70-75 ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ทั่วประเทศภายในปี 2563 ทั้งนี้ ภายใต้กฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่ รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในรูปแบบร่วมทุนได้ โดยสามารถลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 49 และธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดมากกว่า 10 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 แต่สำหรับการลงทุนตามโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนได้ทั้งหมด 100%
  • ธุรกิจท่องเที่ยว ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญค่อนข้างมากต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยในปี 2557 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาอินโดนีเซีย 9.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 จากปีก่อน ขณะที่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.4 ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัย
เกื้อหนุนสำคัญจากการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจังของภาครัฐ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ที่จะเข้าไปขยายตลาดในอินโดนีเซีย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันมีอยู่มากแล้วก็ตาม แต่การเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ความต้องการโรงแรมและที่พัก รวมถึงร้านอาหารในอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ภายใต้กฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในรูปแบบการร่วมทุนได้หลายประเภท อาทิ ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 49 หรือไม่เกินร้อยละ 51 ในกรณีที่ร่วมทุนกับผู้ประกอบการ SMEs ท้องถิ่น ธุรกิจโรงแรมที่ยังไม่มีการจัดระดับมาตรฐาน ลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 51 ธุรกิจโรงแรมแบบโมเต็ล กรณีที่เป็นนักลงทุนจากประเทศในกลุ่มอาเซียนลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 70 เฉพาะเกาะ Java และเกาะ Bali เท่านั้น สำหรับธุรกิจสนามกอล์ฟ กรณีที่เป็นนักลงทุนจากประเทศในกลุ่มอาเซียนลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 70 ยกเว้นเกาะ Java และเกาะ Bali

สำหรับการลงทุนของไทยในอินโดนีเซียในปี 2557 มีโครงการการลงทุนทั้งสิ้น 55 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 317.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากเป็นอันดับ 13 ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปรับปรุงกฎระเบียบฉบับใหม่ได้เพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนไทยในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนชาติอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญและรับมือกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น พร้อมกันนี้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจกฎระเบียบด้านการลงทุนอย่างละเอียดก่อนเข้าไปลงทุน

Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนสิงหาคม 2558--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ