ของผู้บริโภคชาวบรูไน รวมถึงเกร็ดน่ารู้ในการติดต่อธุรกิจกับชาวบรูไน พร้อมทั้ง"เก็บตกจากต่างแดน" ฉบับนี้จึงรวบรวมลักษณะเด่นและพฤติกรรมที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบรูไน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจจะทำการค้ากับบรูไน มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
- ผู้บริโภคสำคัญ คือ กลุ่มวัยทำงาน (อายุ 15-64 ปี) ที่อาศัยในเมืองใหญ่ ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงและมีจำนวนมากถึงร้อยละ 72 ของประชากรทั้งหมด โดยกลุ่มวัยรุ่นที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน (อายุ 15-24 ปี) มีมากถึง 1 ใน 4 ของประชากรวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้นิยมติดตามกระแสการบริโภคจากตะวันตก ผ่านสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ คล้ายกับวัยรุ่นในประเทศอื่นๆ และมักตอบสนองต่อกลยุทธ์การตลาดอย่างรวดเร็ว และพร้อมหันไปใช้สินค้าใหม่ๆ ที่เพิ่งออกสู่ตลาด ทั้งนี้ กลุ่มคนวัยทำงานมักอาศัยในเขตเมือง โดยเฉพาะ Bandar Seri Begawan (เมืองหลวง) และเมืองสำคัญอื่นๆ อาทิ Kuala Belait และ Seria ดังนั้น การเลือกพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เป้าหมายในการวางจำหน่ายสินค้าหรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจึงน่าจะเป็นทางเลือกลำดับต้น ๆ ของการทำตลาดสินค้าในบรูไน
- ชาวบรูไนนิยมเลือกซื้อสินค้าในตลาดสด ตลาดสำคัญ อาทิ Tamu Kianggeh (เปิดจำหน่ายในช่วงเช้าถึงบ่าย) และ The pasar Gadong Night Market (เปิดจำหน่ายในช่วงหัวค่ำถึงกลางคืน) ซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ทำให้สะดวกในการซื้อหาสินค้า อีกทั้งเป็นศูนย์รวมสินค้าอาหารหลากหลายประเภท ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งแผงจำหน่ายอาหารปรุงสุก โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้งหรือย่าง ทั้งปลาย่าง เนื้อวัวย่าง เนื้อไก่ย่างและไก่สะเต๊ะ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวบรูไน ทั้งนี้ ชาวบรูไนนิยมซื้ออาหารมารับประทานร่วมกับครอบครัวที่บ้าน มากกว่ารับประทานที่แผงจำหน่ายอาหาร
- การโฆษณาสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นอีกช่องทางสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวบรูไนเนื่องจากชาวบรูไนใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ Internet Society เปิดเผยว่าปี 2557 อัตราการใช้อินเทอร์เน็ตต่อจำนวนประชากรชาวบรูไนอยู่ที่ร้อยละ 65 สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน (ไทยอยู่ที่อันดับ 6) โดย ชาวบรูไนนิยมสั่งซื้อสินค้าประเภท IT จำพวกโทรศัพท์มือถือ Tablet และกล้องถ่ายรูปผ่านทางอินเทอร์เน็ต และนิยมค้นหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ อาทิ www.shopping.com.bn และ www.qqestore.com
เพื่อให้การดำเนินธุรกิจกับชาวบรูไนเป็นไปอย่างราบรื่น นอกเหนือจากการเรียนรู้ลักษณะเด่นและพฤติกรรมผู้บริโภคของชาวบรูไนแล้ว ผู้ประกอบการควรทราบถึงเกร็ดน่ารู้ในการติดต่อธุรกิจกับชาวบรูไน ไปพร้อมๆ กัน ดังนี้
- การจับมือทักทายตามธรรมเนียมสากลถือเป็นหลักปฏิบัติทั่วไป อย่างไรก็ตาม การทักทายและมารยาทการเจรจาธุรกิจ เมื่อพบปะคู่สนทนาชาวบรูไน ควรระมัดระวังในกรณีที่สุภาพบุรุษจะทักทายคู่สนทนาที่เป็นสุภาพสตรี โดยเฉพาะสุภาพสตรีชาวมุสลิม ควรหลีกเลี่ยงการทักทายด้วยการจับมือ สำหรับการเจรจาธุรกิจ วัฒนธรรมของชาวบรูไนเน้นการพบปะเพื่อให้เกิดมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่ามุ่งเน้นให้เกิดธุรกิจเพียงอย่างเดียว จึงไม่ควรเร่งรัดการเจรจาให้เกิดธุรกิจตั้งแต่การพบกันครั้งแรก
- ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ชาวบรูไนใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ เนื่องจากชาวบรูไนที่มีเชื้อสายมาเลย์มีจำนวนสูงถึงร้อยละ 66 ดังนั้น การเรียนรู้ภาษามาเลย์เบื้องต้นที่มักใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับ คู่เจรจาชาวบรูไนได้ อย่างไรก็ตาม ชาวบรูไนส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษและใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อธุรกิจได้
- การแต่งกาย สุภาพบุรุษควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย ขณะที่สุภาพสตรีควรแต่งกายมิดชิด สวมกระโปรงยาว เสื้อแขนยาวและสวมผ้าคลุมศีรษะ หลีกเลี่ยงการใส่ชุดเข้ารูปพอดีตัว และหากได้รับเชิญไปมัสยิดต้องถอดรองเท้าทุกครั้งก่อนเข้ามัสยิดเพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าสีเหลืองเพราะถือเป็นสีของสถาบันกษัตริย์ของบรูไน และไม่ควรสวมเสื้อที่มีลวดลายเป็นรูปสัตว์เพราะขัดกับหลักปฏิบัติตามศาสนาอิสลาม
- การนัดหมาย ตามปกติเวลาทำการของหน่วยงานภาครัฐของบรูไน คือ วันจันทร์-พฤหัสบดี และวันเสาร์ ระหว่างเวลา 7.45-16.30 น. (ปิดทำการวันศุกร์และวันอาทิตย์) ขณะที่ธนาคารเปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-15.00 น. และวันเสาร์ เวลา 9.00-11.00 น. ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรหลีกเลี่ยงการนัดหมายในวันหยุดสำคัญของชาวบรูไน อาทิ วันชาติ (23 กุมภาพันธ์ของทุกปี) และวันสำคัญทางศาสนา อาทิ Hari Raya Aidilfitri และวัน Hari Raya Aidiladha
ชาวบรูไนมีความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจำนวนมาก เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรและอาหารยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ส่งผลให้บรูไนยังต้องพึ่งพาการนำเข้า ทั้งนี้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบรูไน อาทิ
- ที่อยู่ติดกัน คือ มาเลเซีย สังเกตได้จากอาหารยอดนิยมของชาวบรูไน ข้าว ชาวบรูไนมีวัฒนธรรมการบริโภคข้าวคล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ Udang sambal serai Bersantan ที่ประกอบด้วยกุ้ง ตะไคร้ พริกแกง และกะทิ รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ กับไข่ต้มและแตงกวา จึงเป็นโอกาสดีของข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของไทยในการส่งออกไปตลาดบรูไน
- ผลไม้สดและผลไม้แปรรูปบรรจุกระป๋อง แม้ว่าบรูไนปลูกผลไม้บางชนิดได้เองในประเทศแต่ผลผลิตผลไม้หลายชนิดยังมีคุณภาพไม่ดี เทียบกับผลไม้ส่งออกของไทยที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวบรูไน และมักพบว่าชาวบรูไนนิยมนำผลไม้ของไทยมาจัดเป็นกระเช้าของขวัญเพื่อเป็นของฝาก นอกจากนี้ ชาวบรูไนยังนิยมรับประทานลำไยทั้งแบบสดและแห้งขณะที่ผลไม้บรรจุกระป๋องทั้งเงาะ ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด และลูกตาลบรรจุกระป๋องก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน เพราะมีรสชาติต่างจากผลไม้ที่ปลูกในบรูไนและยังสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน
- แกงเขียวหวาน และสะเต๊ะ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับชาวบรูไนที่ผงปรุงรส โดยเฉพาะผงปรุงรสสำหรับทำอาหารไทยยอดนิยม คือ ต้มยำกุ้ง ต้องการปรุงอาหารไทยรับประทานเองที่บ้าน
ข้อสังเกต: สินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในบรูไนควรได้รับการรับรอง ตราสัญลักษณ์ฮาลาลจาก Ministry of Religious Affairs ของบรูไนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในตลาดบรูไนซึ่งประชากรส่วนใหญ่ราวร้อยละ 80 เป็นชาวมุสลิม รวมถึงควรแสดงเครื่องหมายฮาลาลให้เห็นชัดเจนบนฉลากสินค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำหรับการทำตลาดบรูไน คือ การขนส่งสินค้าทางเรือไปบรูไนยังมีข้อจำกัดและต้นทุนค่อนข้างสูง เนื่องจากเรือบรรทุกสินค้าไปบรูไนมีสินค้าให้บรรทุกเฉพาะขาไป แต่ไม่มีสินค้าบรรทุกขากลับ นอกจากนี้ บรูไนค่อนข้างเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้าโดยเฉพาะสินค้าอาหาร ผู้ประกอบการจึงควรศึกษากฎระเบียบการค้าการลงทุนที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนส่งออกไปตลาดบรูไน
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--