รู้ลึก AEC: Quang Binh…จังหวัดท่องเที่ยวของเวียดนามที่รอการเจียระไน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 6, 2016 10:19 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

แม้ว่าในปี 2558 ภาคการท่องเที่ยวในอาเซียนโดยรวมต้องเผชิญภาวะซบเซาจากผลกระทบของเศรษฐกิจจีนและรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักชะลอตัว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียชะลอการเดินทางออกนอกประเทศ แต่ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามยังคึกคัก สะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนเวียดนามถึง 7.9 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลเวียดนามตั้งไว้ที่ 7-7.5 ล้านคน สำหรับปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามมีความโดดเด่นไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมาจากการมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 10-10.5 ล้านคนภายในปี 2563 รวมถึงการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ทำให้เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในอาเซียน

จังหวัด Quang Binh…ศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของภูมิภาค

เวียดนามมีพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญและกำลังเป็นที่สนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก คือ จังหวัด Quang Binh ทางภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเตรียมผลักดันให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคภายในปี 2563 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดดังกล่าวในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวท้องถิ่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนมีชื่อเสียงและได้รับการกล่าวขานถึงในระดับโลก สะท้อนได้จากในปี 2557 หนังสือพิมพ์ New York Times ยกให้จังหวัด Quang Binh เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดที่สุดในเอเชีย และจัดให้อยู่อันดับ 8 จาก 52 สถานที่ท่องเที่ยวของโลกที่ต้องเดินทางไปเยี่ยมชม นอกจากนี้ บริษัทโฆษณาและบริษัทผลิตภาพยนตร์ของต่างชาติยังหลั่งไหลเข้ามาในจังหวัด Quang Binh เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ ล่าสุด ABC Studios จากสหรัฐฯ และ NHK Channel จากญี่ปุ่น เข้ามาถ่ายทำรายการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์จาก Hollywood ได้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Kong : Skull Island” เพื่อเตรียมออกฉายในปี 2560 ซึ่งจะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเวียดนามและจังหวัด Quang Binh สู่ประชาคมโลกอีกทางหนึ่ง

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัด Quang Binh

จังหวัด Quang Binh มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเชิงธรรมชาติจาก UNESCO เมื่อปี 2546 โดยอุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของถ้ำหินปูนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากราว 300 แห่ง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาตินี้ คือ ถ้ำ Phong Nha ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักสำรวจถ้ำทั่วโลกว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ จังหวัด Quang Binh ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ Son Doong Cave ซึ่งเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และ Dong Hoi Citadel ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่มีอายุมากกว่า 200 ปี อีกทั้งยังมีชายหาดหลายแห่ง อาทิ Da Nhay, Ly Hoa และ Nhat Le ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม เนื่องจากมีเม็ดทรายสีขาวและมีต้นปาล์มเรียงรายขนานชายหาด

การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัด Quang Binh

ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด Quang Binh ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจาก 1.2 ล้านคนในปี 2556 เป็น 3 ล้านคนในปี 2558 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 65,000 คน สร้างรายได้ราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่จังหวัด Quang Binh กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของเวียดนาม ทำให้รัฐบาลเวียดนามเร่งยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัด เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีแผนดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนพัฒนาระบบไฟฟ้า ระบบจราจร และระบบกระจายเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายสนามบิน Dong Hoi ซึ่งเป็นสนามบินหลักของจังหวัด Quang Binh ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น และขยายเส้นทางบินภายในประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีเส้นทางบินภายในประเทศเพียง 2 เส้นทางไปยังกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์เท่านั้น รวมทั้งเตรียมเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศไปยังกรุงไทเปของไต้หวัน

จากข้อมูลทางการเวียดนามล่าสุดระบุว่า จังหวัด Quang Binh มีจำนวนโรงแรมและที่พักทั้งหมด 245 แห่ง มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 3,848 ห้อง ซึ่งยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในฤดูการท่องเที่ยว สะท้อนได้จากอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมระดับ 5 ดาวในจังหวัด Quang Binh ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 90 ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนโรงแรมและที่พัก โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาว และรีสอร์ตระดับไฮเอนด์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง ทำให้ทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในจังหวัด Quang Binh เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มทุนรายใหญ่ของเวียดนามอย่าง FLC Group, Vingroup และ Truong Thinh Group ได้เข้าไปลงทุนก่อสร้างสนามกอล์ฟ รีสอร์ตระดับไฮเอนด์ และศูนย์กีฬา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติจากเกาหลีใต้และอินเดียเตรียมเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สอดคล้องกับที่ Bank for Investment and Development of Vietnam (BIDV) มองว่าจังหวัด Quang Binh มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีรายได้สูง ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดควรดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพเข้ามาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะการก่อสร้างรีสอร์ตและศูนย์สุขภาพระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้มากขึ้น รวมถึงการก่อสร้างท่าจอดเรือท่องเที่ยวและท่าจอดเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) ทั้งนี้ ในปี 2558 รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัด Quang Binh ประกาศรายชื่อโครงการลงทุนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดที่ต้องการดึงดูดการลงทุนไปจนถึงปี 2563 จำนวน 34 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 1.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมี 6 โครงการที่มีมูลค่าลงทุนสูงกว่า 1 ล้านล้านด่อง หรือราว 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนี้

ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด Quang Binh ประกอบกับการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ที่จังหวัด Quang Binh จะก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคได้ในไม่ช้า นอกจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวียดนามยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยได้อานิสงส์จากการที่รัฐบาลเวียดนามผ่อนคลายมาตรการด้านวีซ่าด้วยการยกเลิกวีซ่าเพิ่มให้แก่ 5 ประเทศในยุโรป คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สหราชอาณาจักร และสเปน ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเยือนเวียดนามมากขึ้นชดเชยการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย รวมถึงการยกเลิกวีซ่าให้แก่ชาวเวียดนามโพ้นทะเล ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามรวมทั้งจังหวัด Quang Binh ได้อีกทางหนึ่ง

Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนมิถุนายน 2559--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ