จากข้อมูล World Population Prospects 2017 พบว่า ประชากรวัยเด็ก (อายุระหว่าง 0-14 ปี) มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่น่าสนใจไม่แพ้กลุ่มประชากรวัยอื่นๆ เพราะนอกจากมีจำนวนสูงถึงราว 1.93 พันล้านคนในปี 2558 คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลกแล้ว ยังคาดว่าประชากรวัยเด็กจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 1.99 พันล้านคนในปี 2563 และ 2.02 พันล้านคนในปี 2568 โดยพบว่าประเทศที่มีประชากรเด็กสูงสุดของโลก คือ อินเดีย รองลงมาคือ จีนและไนจีเรีย ขณะเดียวกันความกังวลว่าปัญหาโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไปอาจก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน และอาจกระทบต่อการผลิตสินค้าและกำลังซื้อในอนาคต ทำให้หลายประเทศเริ่มหันมาใส่ใจเพิ่มจำนวนประชากรผ่านนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะจีนได้ยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว (One Child Policy)ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2522 และอนุญาตให้ทุกครอบครัวมีลูกคนที่สองได้ เช่นเดียวกันกับญี่ปุ่นที่มีมาตรการมากมายในการสนับสนุนการมีบุตรเพิ่ม อาทิ การให้ส่วนลดซื้อสินค้าสำหรับเด็กและให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูบุตร และสิงคโปร์ที่เพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงดูแลบุตร รวมทั้งอนุญาตให้สามีลางานเพื่อดูแลภรรยาหลังคลอดบุตรโดยได้รับเงินเดือนตามปกติ
จำนวนประชากรเด็กที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินค้าและบริการเกี่ยวกับเด็กมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก โดยมีแนวโน้มที่น่าสนใจ ดังนี้
- ชอปปิงออนไลน์กลายเป็น Lifestyle ปกติของคุณแม่ยุคดิจิทัล ด้วยข้อจำกัดของคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรที่ต้องพักฟื้นและดูแลบุตรหลังคลอดอย่างใกล้ชิด ขณะที่หลังระยะพักฟื้นแล้วคุณแม่บางรายต้องทำงานนอกบ้านเพื่อหารายได้ดูแลครอบครัวไปพร้อมๆกับดูแลบุตร ทำให้คุณแม่ยุคใหม่ไม่ค่อยมีเวลาไปเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า จึงนิยมค้นหาและเลือกซื้อสินค้าสำหรับเด็กผ่านร้านค้าออนไลน์เพราะนอกจากความสะดวกในการเลือกและสั่งซื้อสินค้าได้จากผู้ผลิตทั่วโลกด้วยตนเองจากเว็บไซต์แล้ว ยังสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติและราคาสินค้าได้ง่าย การเลือกซื้อสินค้าสำหรับเด็กผ่านช่องทางออนไลน์จึงได้รับความนิยมในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน ล่าสุดในช่วงวันคนโสดหรือ Singles' Day เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 พบว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าผ่าน Alibaba.com (เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ใหญ่ที่สุดของจีน) มีมูลค่าถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผ้าอ้อมเด็กติดหนึ่งในสินค้าที่มียอดจำหน่ายสูงสุด และพบว่าชาวจีนยังนิยมเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็กจากหลายเว็บไซต์ อาทิ yhd.com และ mia.com เช่นเดียวกันกับสหรัฐฯ ซึ่งพบว่าคุณแม่ชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี ชอบค้นหาและสั่งซื้อสินค้าจำพวกอาหารเสื้อผ้า และของเล่นเด็กผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้บริโภคในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรวัยเด็กมากที่สุดในอาเซียนนิยมสั่งซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็กผ่านทางเว็บไซต์ อาทิ lazada.co.id และ bhinneka.com ทั้งนี้พฤติกรรมของคุณแม่ยุคดิจิทัลดังกล่าว ทำให้การจำหน่ายและประชาสัมพันธ์สินค้าบนเว็บไซต์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ประกอบการเพราะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก แต่มีศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก
- ผู้ผลิตสินค้าหันมาพัฒนานวัตกรรมสำหรับเด็กเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เตียงนอนเด็กอัจฉริยะ CloudTot ที่ติดตั้งเทคโนโลยีวัดอุณหภูมิ ความชื้น อัตราการหายใจ และระดับเสียง สามารถส่งเสียงเตือนไปยังแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือของพ่อแม่หากพบว่าเตียงเปียก และเมื่อเด็กไม่เคลื่อนไหวร่างกายหรือหยุดหายใจนานกว่าเวลาที่กำหนด จะมีอุปกรณ์ที่ช่วยดุนตัวเด็กเบาๆ และส่งเสียงให้เด็กรู้ตัว รวมทั้งส่งสัญญาณเตือนไปยังพ่อแม่ เครื่องตรวจสุขภาพเด็ก TytoHome ช่วยให้พ่อแม่วัดอัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย รวมไปถึงใช้ส่องและบันทึกภาพภายในหูและคอของลูกด้วยตนเองจากที่บ้าน ก่อนที่จะส่งข้อมูลให้แพทย์เพื่อรับผลการวินิจฉัยโรค เครื่องช่วยติดตามและควบคุมการนอนของเด็ก REMI เป็นอุปกรณ์ที่สามารถบอกเวลา เล่นเพลงกล่อมลูก และช่วยให้พ่อแม่บันทึก ติดตาม และควบคุมการนอน (ตั้งเวลาปลุกและเวลาเข้านอน) ของลูกด้วยแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ
- ผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็กพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองบางกลุ่มที่เห็นว่าบุตรควรได้รับสารอาหารพิเศษเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา ผู้ผลิตนมผงรายใหญ่ของโลกจึงพัฒนาสูตรนมผงสำหรับเด็กให้มีส่วนผสมพิเศษ อาทิ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและจอประสาทตาของเด็ก Alpha Lactalbumin และ Choline ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อประสาท ช่วยในการทำงานของสมอง
- อาหารพร้อมรับประทานสำหรับเด็กได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วและในเมืองใหญ่ เพราะนอกจากพกพาได้ง่ายเหมาะให้เด็กรับประทานขณะทำกิจกรรมนอกบ้านแล้ว ยังเข้ากันดีกับไลฟ์สไตล์ของพ่อแม่ยุคใหม่ที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ จึงไม่ค่อยมีเวลาเตรียมอาหารให้ลูกแต่ต้องการให้ลูกได้รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีสารอาหารครบถ้วน
- พ่อแม่หันมาเลือกซื้อของใช้สำหรับเด็กที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวเด็กที่บอบบางและมักระคายเคืองง่าย อาทิ สบู่ แชมพู และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก ที่มีส่วนผสมของพืชสมุนไพรต่างๆ แป้งเด็กที่ผลิตจากข้าวเจ้าปราศจากทัลคัมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเด็กในระยะยาว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทาผมหรือคิ้วที่ผลิตจากดอกอัญชันซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้คิ้วหรือผมของเด็กหนาขึ้นหรือเข้มขึ้น
- พ่อแม่นิยมพาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น เพื่อเปิดโลกกว้างให้เด็กเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กให้ดียิ่งขึ้น คาดว่าจะเปิดโอกาสให้กับหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเด็ก อาทิ ธุรกิจสวนสนุกและธีมปาร์ค โดย Global Industry Analysts, Inc. คาดว่ามูลค่าตลาดสวนสนุกและธีมปาร์คจะพุ่งแตะระดับ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โดยจีนเป็นตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง และล่าสุด Walt Disney ได้เปิด Shanghai Disney Resort ในจีนเพื่อเน้นเจาะลูกค้าเด็กที่มีจำนวนมาก
แนวโน้มดังกล่าวข้างต้นอาจเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการ เพื่อคว้าโอกาสจากการขยายตัวของตลาดสินค้าและบริการสำหรับเด็ก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานและของใช้สำหรับเด็กที่ไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบสามารถต่อยอดไปผลิตสินค้าสำหรับเด็กอยู่แล้ว และอาจเลือกใช้ออนไลน์เป็นหนึ่งในช่องทางวางจำหน่ายหรือประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้แพร่หลาย นอกจากนี้ แม้ว่าผู้ประกอบการ SMEs จะไม่สามารถผลิตสินค้าและบริการบางประเภทได้ เพราะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากอย่างธุรกิจสวนสนุกและธีมปาร์ค แต่ผู้ประกอบการ SMEs ยังมีโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างสินค้าที่ระลึกที่วางจำหน่ายในสวนสนุกและธีมปาร์ค อาทิ ตุ๊กตา เสื้อที่ระลึก หมวก พวงกุญแจ แก้วน้ำและแม่เหล็กติดผนัง รวมถึงสินค้าที่ต้องใช้ในสวนสนุก ยกตัวอย่างเช่น ภาชนะใส่อาหาร กระดาษเช็ดปากที่มีลวดลายหรือสัญลักษณ์เฉพาะของสวนสนุก เป็นต้น
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนเมษายน 2561