ปัจจุบันเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างเวียดนามและจีนเริ่มเป็นที่จับตามองจากบรรดาผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเวียดนามตอนเหนือและจีนตอนใต้ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ผู้ประกอบการจีนสามารถขนส่งสินค้าจากมณฑลยูนนานผ่านกรุงฮานอยของเวียดนามเพื่อต่อไปยังท่าเรือ Hai Phong ทางตอนเหนือของเวียดนามเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออก รวมถึงสามารถขนส่งสินค้าสู่ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเวียดนามก็สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวในการกระจายสินค้าไปยังจีนตอนใต้โดยเฉพาะมณฑลยูนนานซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพของจีนได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางขนส่งสินค้าทางบกในปัจจุบันที่ใช้ระหว่างกรุงฮานอยของเวียดนามและเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานของจีนเป็นถนนขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนช่องจราจรไม่มากนัก อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอุปสรรคด้วยระยะทางที่ยาวไกลและใช้เวลานานในการขนส่ง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วยผู้ส่งออกเวียดนามส่วนใหญ่จึงไม่นิยมใช้เส้นทางดังกล่าวในการขนส่งสินค้า เป็นผลให้สินค้าจากเวียดนามเข้าไปเจาะตลาดในมณฑลยูนนานได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกันการส่งออกผ่านท่าเรือ Hai Phong ส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าจากเวียดนามตอนเหนือและ สปป.ลาว ซึ่งปริมาณธุรกรรมยังมีไม่มากนัก ทำให้บางครั้งการขนส่งสินค้ามีปริมาณไม่มากพอที่จะให้เรือคอนเทนเนอร์เข้ามาเทียบท่าในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้น หากสามารถจูงใจให้จีนหันมาส่งออกผ่านท่าเรือ Hai Phong ก็จะช่วยให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น และเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าของทั้งจีนและเวียดนามออกสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลเวียดนามจึงมีแผนปรับปรุงเส้นทางที่ใช้อยู่ปัจจุบันและยกระดับเส้นทางดังกล่าวให้เป็นทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming จำนวน 4 ช่องจราจร ระยะทางรวม 244 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมระหว่างกรุงฮานอยกับเมืองคุนหมิง ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับใช้ก่อสร้างเส้นทางทางฝั่งเวียดนามแล้ว และจะเริ่มก่อสร้างในปี 2551 จากกรุงฮานอยไปเมือง Lao Cai ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของเวียดนาม เพื่อเชื่อมกับทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 14 (A14) ในจีนตอนใต้ และไปสิ้นสุดที่เมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานของจีน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2555
เป็นที่คาดว่าหากทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming แล้วเสร็จ จะช่วยให้การค้าและการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามและจีนตอนใต้ขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากทางหลวงสายใหม่นี้จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางจากเดิมที่ใช้เวลา 2-3 วัน เหลือเพียง 9 ชั่วโมงถึง 1 วันเท่านั้น ซึ่งจะเกื้อหนุนให้เวียดนามสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าประมงไปมณฑลยูนนานได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังสามารถเข้าไปเจาะตลาดในพื้นที่ที่ไกลออกไปโดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันทางหลวงสายดังกล่าวยังช่วยให้การขนส่งสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วจากเมืองคุนหมิงออกสู่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถมาขึ้นที่ท่าเรือ Hai Phong และท่าเรือ Cai Lan ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกทางตอนเหนือของเวียดนามได้เร็วกว่าที่จะขนส่งไปที่ท่าเรือ Fangcheng ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน นอกจากนี้ ทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก ทางธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง คือ อ่าว Halong ในจังหวัด Quang Ninh ของเวียดนาม และแม่น้ำสามสาย (Three Parallel Rivers) ในมณฑลยูนนานของจีน
ยิ่งไปกว่านั้น การขนส่งสินค้าผ่านทางหลวงสาย Hanoi-Lao cai-Kunming จะก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจตามมาอีกมาก ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรในจังหวัดต่าง ๆ ของเวียดนามตอนเหนือซึ่งเป็นบริเวณที่ประชากรมีฐานะยากจนที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ที่สนใจเข้าไปลงทุนในเวียดนามและจีนควรศึกษาและเตรียมใช้ประโยชน์จากทางหลวงสายใหม่นี้เมื่อแล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเข้าไปเจาะตลาดเวียดนามตอนเหนือหรือจีนตอนใต้ซึ่งล้วนเป็นตลาดขนาดใหญ่ ที่มีศักยภาพ รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางเพื่อกระจายสินค้าออกสู่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กุมภาพันธ์ 2551--
-พห-
อย่างไรก็ตาม เส้นทางขนส่งสินค้าทางบกในปัจจุบันที่ใช้ระหว่างกรุงฮานอยของเวียดนามและเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานของจีนเป็นถนนขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนช่องจราจรไม่มากนัก อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอุปสรรคด้วยระยะทางที่ยาวไกลและใช้เวลานานในการขนส่ง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วยผู้ส่งออกเวียดนามส่วนใหญ่จึงไม่นิยมใช้เส้นทางดังกล่าวในการขนส่งสินค้า เป็นผลให้สินค้าจากเวียดนามเข้าไปเจาะตลาดในมณฑลยูนนานได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกันการส่งออกผ่านท่าเรือ Hai Phong ส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าจากเวียดนามตอนเหนือและ สปป.ลาว ซึ่งปริมาณธุรกรรมยังมีไม่มากนัก ทำให้บางครั้งการขนส่งสินค้ามีปริมาณไม่มากพอที่จะให้เรือคอนเทนเนอร์เข้ามาเทียบท่าในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้น หากสามารถจูงใจให้จีนหันมาส่งออกผ่านท่าเรือ Hai Phong ก็จะช่วยให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น และเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าของทั้งจีนและเวียดนามออกสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลเวียดนามจึงมีแผนปรับปรุงเส้นทางที่ใช้อยู่ปัจจุบันและยกระดับเส้นทางดังกล่าวให้เป็นทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming จำนวน 4 ช่องจราจร ระยะทางรวม 244 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมระหว่างกรุงฮานอยกับเมืองคุนหมิง ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับใช้ก่อสร้างเส้นทางทางฝั่งเวียดนามแล้ว และจะเริ่มก่อสร้างในปี 2551 จากกรุงฮานอยไปเมือง Lao Cai ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของเวียดนาม เพื่อเชื่อมกับทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 14 (A14) ในจีนตอนใต้ และไปสิ้นสุดที่เมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานของจีน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2555
เป็นที่คาดว่าหากทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming แล้วเสร็จ จะช่วยให้การค้าและการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามและจีนตอนใต้ขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากทางหลวงสายใหม่นี้จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางจากเดิมที่ใช้เวลา 2-3 วัน เหลือเพียง 9 ชั่วโมงถึง 1 วันเท่านั้น ซึ่งจะเกื้อหนุนให้เวียดนามสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าประมงไปมณฑลยูนนานได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังสามารถเข้าไปเจาะตลาดในพื้นที่ที่ไกลออกไปโดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันทางหลวงสายดังกล่าวยังช่วยให้การขนส่งสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วจากเมืองคุนหมิงออกสู่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถมาขึ้นที่ท่าเรือ Hai Phong และท่าเรือ Cai Lan ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกทางตอนเหนือของเวียดนามได้เร็วกว่าที่จะขนส่งไปที่ท่าเรือ Fangcheng ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน นอกจากนี้ ทางหลวงสาย Hanoi-Lao Cai-Kunming ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก ทางธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง คือ อ่าว Halong ในจังหวัด Quang Ninh ของเวียดนาม และแม่น้ำสามสาย (Three Parallel Rivers) ในมณฑลยูนนานของจีน
ยิ่งไปกว่านั้น การขนส่งสินค้าผ่านทางหลวงสาย Hanoi-Lao cai-Kunming จะก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจตามมาอีกมาก ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรในจังหวัดต่าง ๆ ของเวียดนามตอนเหนือซึ่งเป็นบริเวณที่ประชากรมีฐานะยากจนที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ที่สนใจเข้าไปลงทุนในเวียดนามและจีนควรศึกษาและเตรียมใช้ประโยชน์จากทางหลวงสายใหม่นี้เมื่อแล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเข้าไปเจาะตลาดเวียดนามตอนเหนือหรือจีนตอนใต้ซึ่งล้วนเป็นตลาดขนาดใหญ่ ที่มีศักยภาพ รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางเพื่อกระจายสินค้าออกสู่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กุมภาพันธ์ 2551--
-พห-