ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นอย่างไร เสื้อผ้ายังคงเป็นปัจจัย 4 และเป็นธุรกิจที่มีโอกาสอยู่เสมอ คุณฮิม วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกชุดและอุปกรณ์กีฬาภายใต้แบรนด์ Warrix ผู้เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ แนวคิดในการปรับกลยุทธ์และช่องทางการขายช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 พร้อมเคล็ดลับการรุกตลาดส่งออกด้วย E-Commerce
ผมมีความฝันตั้งแต่สมัยเรียนระดับมัธยมศึกษาว่า อยากเป็นผู้ประกอบการ ก่อตั้งธุรกิจด้วยตัวเอง จึงเลือกเรียนบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบ ทำงานประจำได้ประมาณ 7 ปี ก็เริ่มธุรกิจสิ่งทอของตัวเอง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นปัจจัย 4 เป็นสิ่งจำเป็น และทุกอุตสาหกรรมมีโอกาสอยู่เสมอ ถึงแม้ในตอนนั้นจะเป็นช่วงขาลงของตลาดสิ่งทอก็ตาม จึงศึกษาเทรนด์ของโลก และหาช่องว่างของตลาด ที่เป็น Niche Market เพื่อพัฒนาธุรกิจ จนมองเห็นโอกาสทางการตลาดของเสื้อผ้าเฉพาะกลุ่ม เช่น ชุดกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล รวมทั้งเสื้อโปโลได้รับการยอมรับมากขึ้นในการใส่ทำงาน จนกลายเป็นเครื่องแบบในการทำงาน เราจึงพัฒนาธุรกิจและสินค้าของเราให้ก้าวทันกระแสความนิยมและโอกาสทางการตลาด เราเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ และค่อย ๆ ศึกษาหาความรู้และพัฒนาสินค้า จนปัจจุบันบริษัทของเรามียอดขายถึงเกือบพันล้านบาท เป็นผลจากการที่เราได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ ทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตกว่าเดิมถึง 3 เท่า
ผมยึดถือปรัชญาในการทำธุรกิจว่า ?คนที่หิวเงินจะไม่มีวันอิ่มเงิน? ฟังดูแล้วอาจจะขัดแย้งกับทฤษฎีทางธุรกิจต่าง ๆ เพราะไม่ใช้กำไรสูงสุดมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจทำธุรกิจ แต่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน จริยธรรม ความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า พนักงาน หรือซัพพลายเออร์ เพื่อให้เราดำเนินธุรกิจร่วมกันได้ในระยะยาว ในการพัฒนาสินค้าและขยายธุรกิจ ผมจะมองหาโอกาสใหม่ ๆ และช่องทางใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Demand หรือ Segment ใหม่ เพื่อทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรมากขึ้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทจึงพัฒนาช่องทางค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ของตนเอง โฆษณาทาง Facebook และ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งผู้เล่นในอุตสาหกรรมชุดกีฬาในประเทศไทยยังไม่ได้ใช้ช่องทางนี้มากนัก เราจึงมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ แฟนกีฬาหรือคนเล่นกีฬา ซึ่งมีตั้งแต่เยาวชนจนถึงวัยทำงาน กลุ่มต่อมา คือ กลุ่มคนวัยทำงานที่นิยมใส่เสื้อโปโล และเราออกแบบเสื้อโปโลของ Warrix ให้สามารถใส่ทำงานหรือใส่ได้ในทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มลูกค้าองค์กรที่สั่งเสื้อของ Warrix เป็นเสื้อทีมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ
Warrix เริ่มต้นจากเสื้อผ้าสำหรับกีฬาฟุตบอล แต่เราตั้งใจจะเติบโตเป็น Lifestyle Product หรือ Lifestyle Brand บริษัทจึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ไปสู่ New Segment เช่น เสื้อลำลอง เสื้อโปโล ควบคู่กับการพัฒนาชุดกีฬา ประเภทต่าง ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากชุดกีฬาฟุตบอล อาทิ ชุดบาสเกตบอล และกอล์ฟ นอกจากนี้เรายังขยายธุรกิจใหม่โดยเปิดคลินิกด้านกายภาพบำบัด เพื่อสอดรับกลยุทธ์การสร้าง Brand ของบริษัท
สัดส่วนการส่งออกไปต่างประเทศในช่วง 8 ปีแรกอยู่ที่ 5% โดยในช่วงนั้นบริษัทได้เข้าไปสร้างการรับรู้ของแบรนด์ด้วยการสนับสนุนสโมสรกีฬาในมาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา และสิงคโปร์จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป้าหมายต่อไปคือการพัฒนาระบบการค้าออนไลน์เพื่อการส่งออก โดยพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นสากล รองรับ 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ มลายู จีน และญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้า E-Commerce และจะเริ่มรุกตลาดส่งออกไปทั่วโลกในเดือนธันวาคมนี้
ในชีวิตการทำธุรกิจกว่า 20 ปี เราผ่านมาหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม Subprime หรือ Hamburger Crisis แต่ COVID-19 เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทำให้เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และยังไม่เห็นอนาคตว่าจะไปทิศทางไหน บริษัทต้องปรับตัวโดยเริ่มจากบริหารจัดการประสิทธิภาพในองค์กร เช่น ลดต้นทุน ปรับกระบวนการให้ Lean ซึ่งทำให้เห็นว่ามีสิ่งที่เราสามารถลดต้นทุนได้เยอะมาก รวมทั้งปรับช่องทางการจัดจำหน่าย โดยก่อนหน้านี้ เราได้ลงทุนกับระบบ E-Commerce เมื่อเกิดวิกฤต COVID-19 ยอดขาย E-Commerce กลับเติบโตขึ้นหลายเท่า ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมชุดกีฬาโดยการส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ยุโรป ฟื้นตัวเร็วกว่าไทย 3 เดือนหลังจาก COVID-19 ระบาดในไทยในปี 2563 Warrix ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Sportwear เป็น Health Active Lifestyle ทันที โดยเราเปิดคลินิกกายภาพบำบัด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ผ่านมา 1 ปีเราขยายบริการเป็นสหคลินิกวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อรักษากล้ามเนื้อ ข้อต่อ การนอน และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ร่างกายในการเล่นกีฬา เรารับทำ Training Video ให้องค์กรต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายในช่วง Lockdown ทำให้ Warrix มีโมเดลธุรกิจใหม่ สร้างรายได้มากกว่าธุรกิจชุดกีฬา
SMEs ส่วนใหญ่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน EXIM BANK ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนทำให้เราสามารถรุกตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ แม้แต่ในช่วงวิกฤต COVID-19 EXIM BANK ได้เข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องด้วยมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ นับเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีความกระตือรือร้น เข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการและผู้ส่งออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เราแข็งแรงและอยู่รอดผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้แม้ว่าเราจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ตาม
SMEs นับเป็นกระดูกสันหลังหลักของระบบเศรษฐกิจไทยเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีภาวะวิกฤตใดก็ตาม เราต้องปรับตัวและรับมือให้ได้ หมั่นเติมกำลังใจให้ตนเอง มีทัศนคติที่ดีซึ่งจะส่งผลถึงคำพูดและการกระทำ ที่จะทำให้เราประสบผลสำเร็จในที่สุด
ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนกันยายน 2564