การที่ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา ทำให้ก้าวข้ามจากสังคมออฟไลน์มาสู่สังคมออนไลน์ เปลี่ยนวิถีชีวิตและการบริโภคของคนไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งเกิดเหตุการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด ผู้คนต้องใช้เทคโนโลยีในการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบัน และโลกอนาคต ความต้องการใช้ Smart Device ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป ภายใต้การนำของคุณโธมัส พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้นำเป้าหมายของการทำธุรกิจ ?เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์? มาใช้ในการปลุกปั้นแบรนด์ Anitech จนเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่จับต้องได้
ครอบครัวผมเป็นข้าราชการและผมไม่ได้มีพื้นฐานทางธุรกิจมาก่อน แต่คิดเสมอว่าการทำธุรกิจก็เป็นเรื่องท้าทาย เริ่มต้นจากการไปเรียนที่ฝรั่งเศสและเพื่อนชวนทำธุรกิจ Start Up พัฒนา Chipset ที่ใส่ในเครื่องเล่นเกม Playstation ต่าง ๆ พอกลับมาก็อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว และมองเห็นว่าโลกเราในอนาคตผู้คนก็ต้องอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ การสร้างนวัตกรรมให้กับอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องใช้เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดผมมาก ๆ จึงตัดสินใจตั้งบริษัทขึ้นมา โดยเริ่มจากการเข้าไปเสนอพัฒนาสินค้าให้กับแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ก่อน แล้วนำมาต่อยอดมาพัฒนาแบรนด์ Anitech ซึ่งเรามองว่าการสร้างแบรนด์ของตัวเอง จะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ
จากการวิเคราะห์แบรนด์ที่พัฒนาอุปกรณ์ Consumer Electronics ระดับโลกที่อยู่มาก่อนเราอย่างน้อย 50-60 ปี พบว่าเกือบจะทุกแบรนด์มีพันธกิจสำคัญคือ ?การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์? ซึ่งไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน แต่ตอบโจทย์เป้าหมายในการสื่อสารกับพนักงานหรือผู้คนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทด้วย เลยเป็นที่มาของการสร้างนวัตกรรมและขยายธุรกิจของเราไปพัฒนาอุปกรณ์อื่น ๆ จึงได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ (Anitech LAB+SEREIES) ซึ่งเป็นสินค้าด้านสุขอนามัยที่ออกมาในช่วงการระบาดของ COVID-19 และปัจจุบันมียอดขายเป็น 1 ใน 5 ของยอดขายทั้งหมด สร้างการเติบโตให้บริษัทเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทของเราแม้จะไม่ใช่บริษัทระดับโลก แต่ก็มีพันธกิจที่จะพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ได้เช่นกัน
เราได้รับผลกระทบตั้งแต่การระบาดที่จีนช่วงปลายปี 2562 เพราะว่า Supply Chain ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั่วโลกมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศจีน นั่นคือคลื่นลูกแรก จากนั้นในเดือนมีนาคมปี 2563 ไทยประกาศล็อกดาวน์ทำให้ช่องทางจัดจำหน่ายปกติไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ถึงแม้เราจะมีช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์อยู่ แต่ก็กระทบต่อรายได้ของบริษัทพอสมควร จึงต้องปรับตัวให้ช่องทางออนไลน์แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ ออกมา แม้จะไม่สามารถทดแทนรายได้ที่หายไปได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ โดยยังยึดมั่นในวัตถุประสงค์การทำธุรกิจคือ ?การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน? โดยไม่ได้ฉวยโอกาสทำสินค้าที่ราคาแพงขึ้น หรือทำอุปกรณ์ที่คุณภาพต่ำมาขายในราคาถูก ในขณะเดียวกันเราก็ช่วยเหลือสังคมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการบริจาคอุปกรณ์จำเป็นในการดูแลผู้ป่วย COVID-19 ในโรงพยาบาลสนาม รวมไปถึงช่วยเหลือผู้ที่ตกงานจากวิกฤต COVID-19 ให้มีรายได้ โดยมาเป็นส่วนหนึ่งในการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อสุขอนามัยในขณะนั้นให้กระจายไปยังผู้ใช้ให้ได้มากและเร็วที่สุดด้วย
ผมได้เล่าแนวคิดที่ตกผลึกมาตลอดช่วงเวลาที่สร้างธุรกิจไว้ในหนังสือ ?ทะยาน คิดแบบ Startup ทำอย่างเอสเอ็มอี มีระบบแบบมหาชน? ซึ่งการใช้วิธีคิดแบบ Startup ก็คือ ต้องคิดให้ไว ทำให้ไว แก้ปัญหาของลูกค้าให้ได้ และจับโอกาสที่คนอื่นไม่เห็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักการบริหาร Cash Flow การตกลงทางการค้า การหา Partner ทางธุรกิจและคนที่เหมาะสมมาสร้างการเติบโตให้องค์กร โดยใช้วิธีทำแบบ SMEs นั่นคือ ยังต้องมีความเป็น Family ในระดับหนึ่ง เพราะคำว่าธุรกิจ SMEs มันมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สุดท้ายคือ เรื่องการมีระบบแบบบริษัทมหาชน ทุกวันนี้แม้จะเป็นบริษัทเล็ก ๆ ก็มีระบบบัญชี ระบบบริหารจัดการได้ด้วยราคาที่ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อน การมีระบบที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจเติบโต และสุดท้ายแล้วผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะระบบหรือวิธีคิดอะไรก็ตาม Teamwork คือ สิ่งที่จะขยายทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด เพราะการที่ผู้ก่อตั้งเก่งทุกอย่าง ทำทุกอย่างเอง ก็อาจจะได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่การเติบโตนั้นจะไม่ยั่งยืน เพราะฉะนั้น อยากจะฝากถึงผู้ประกอบการว่า หากจะสร้างอะไรสิ่งสำคัญที่สุดคือ สร้างทีมเวิร์คขึ้นมาก่อน ที่เหลือจะตามมาเองไม่ว่าจะเป็นระบบ การเติบโต หรือกำไร
ผมรู้จัก EXIM BANK ผ่านทางโลกโซเชียลในช่วงที่กำลังจะขยายตลาดในต่างประเทศพอดี จึงได้ทีมงาน EXIM BANK เข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้ขยายตลาดในต่างประเทศได้อย่างมั่นใจด้วยบริการประกันการส่งออก ซึ่งตรงกับความต้องการมาก ๆ เพราะช่วงเริ่มต้นเราส่งออกไม่สามารถให้ Credit Term กับคู่ค้าได้เต็มที่มากนัก ขณะที่คู่ค้าเองก็ไม่สามารถจ่ายเราได้ทันที ณ วันที่สินค้าเราส่งไปถึง วงเงินรับประกันตรงนี้ก็มาช่วยทำให้ไม่ต้องพะวงกับความเสี่ยงว่าคู่ค้าจะไม่จ่าย นอกจากนี้ เวลาที่เรารับโครงการของหน่วยงานราชการ EXIM BANK ก็ช่วยดูแลเรื่องหนังสือค้ำประกันให้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐได้อย่างราบรื่น เป็นความประทับใจที่ได้จาก EXIM BANK มาโดยตลอดครับ
สำหรับผู้ประกอบการที่มีความฝันและแรงบันดาลใจที่อยากจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ผมคิดว่าน่าจะเป็นการดีหากเจ้าของได้ออกไปสำรวจตลาดก่อน เพราะจะให้เราเข้าใจการใช้ชีวิตและความต้องการของผู้คนที่นั่นว่าเขาต้องการสินค้าแบบไหนที่ตรงกับสินค้าที่เราขายอยู่ในปัจจุบัน เมื่อกลับมาทำงานเราจะสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้ทีมงานรู้สึกอยากจะเดินร่วมกับเราได้มากกว่า อีกเรื่องคือ การทำงานร่วมกับ Partner ที่ดี เก่ง จะช่วยให้เราเติบโตได้อย่างเร็วมาก การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ Partners เป็นทุกอย่างจริง ๆ
สุดท้ายอยากจะชวนผู้ประกอบการทุกท่านให้นึกถึงประโยคที่บอกว่า ?เรือจะปลอดภัยถ้าจอดอยู่ที่ท่า แต่เรือที่แท้จริงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น เรือถูกสร้างมาเพื่อออกไปท่องทะเลและเผชิญกับพายุ และสุดท้ายจะนำเรื่องราวและความสำเร็จกลับมา?
ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนพฤษภาคม 2565