EXIM BANK รุกบทบาทใหม่ ร่วมลงทุน 100 ล้านบาทในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ ซึ่งมีบลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารกองทุน เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งพลังงานและพลังงานทดแทน รวมทั้งพลังงานหมุนเวียน อันจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)และ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC)ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนของ EXIM BANK จำนวน 100 ล้านบาทในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ซึ่งมี MFC เป็นบริษัทจัดการกองทุน โดยมี ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีลงนาม ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนของ EXIM BANK จำนวน 100 ล้านบาทในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ ซึ่งมีการระดมทุนประมาณ 2,500 ล้านบาทในปัจจุบัน ถือเป็นบทบาทใหม่ในเชิงรุกของ EXIM BANK ที่จะเข้าไปมีส่วนกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ โดยตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งพลังงานและพลังงานทดแทน รวมทั้ง
พลังงานหมุนเวียน อาทิ พลังงานลม น้ำ แสงอาทิตย์ และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศท่ามกลางวิกฤตราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้ฝ่ายวาณิชธนกิจ EXIM BANK ได้ดูแลจัดสรรเงินลงทุนจำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพเติบโต มีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่ขาดเงินทุนสามารถขยายกิจการให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน สำหรับการลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์เป็นการลงทุนครั้งแรกของ EXIM BANK ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว ยังส่งผลดีต่อ
ภาคเกษตรกรรมที่ป้อนวัตถุดิบให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทดแทน ช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนภายในประเทศ ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ EXIM BANK จากการเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตดี
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซีกล่าวว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์(MFC Energy Fund) มีมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี ขณะนี้ได้ระดมทุนได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท จากนักลงทุนสถาบันทั้งกลุ่มธุรกิจการเงินและกลุ่มธุรกิจพลังงานรวม 11 แห่ง กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในบริษัทที่ดำเนินกิจการเกี่ยวข้องกับพลังงานพลังงานทดแทนและธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุนนโยบายของรัฐด้านพลังงาน สำหรับเงินลงทุนต่อโครงการประมาณ 50-500 ล้านบาท เพื่อช่วยพัฒนาพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) จากแหล่งทรัพยากรภายในประเทศซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนและปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยเมื่อต้นปีนี้ กองทุนได้ลงทุนในบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิต “ไบโอดีเซล” โดยใช้เทคโนโลยีที่ค้นคว้าและวิจัย โดยผู้ก่อตั้งบริษัทเอง โดยโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตสูง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
ขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่จะเข้าร่วมลงทุนกว่า 30 แห่ง คาดว่าจะลงทุนเพิ่มอีก 2-3 โครงการภายในไตรมาส 2 ของปี 2551 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเชิงลึกเพื่อเตรียมลงทุนในหลายกลุ่มทั้งด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวลรวมถึงอุตสาหกรรมเอทานอลด้วย
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีนาคม 2551--
-พห-
ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)และ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC)ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนของ EXIM BANK จำนวน 100 ล้านบาทในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ซึ่งมี MFC เป็นบริษัทจัดการกองทุน โดยมี ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีลงนาม ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนของ EXIM BANK จำนวน 100 ล้านบาทในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์ ซึ่งมีการระดมทุนประมาณ 2,500 ล้านบาทในปัจจุบัน ถือเป็นบทบาทใหม่ในเชิงรุกของ EXIM BANK ที่จะเข้าไปมีส่วนกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ โดยตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งพลังงานและพลังงานทดแทน รวมทั้ง
พลังงานหมุนเวียน อาทิ พลังงานลม น้ำ แสงอาทิตย์ และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศท่ามกลางวิกฤตราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้ฝ่ายวาณิชธนกิจ EXIM BANK ได้ดูแลจัดสรรเงินลงทุนจำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพเติบโต มีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่ขาดเงินทุนสามารถขยายกิจการให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน สำหรับการลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์เป็นการลงทุนครั้งแรกของ EXIM BANK ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว ยังส่งผลดีต่อ
ภาคเกษตรกรรมที่ป้อนวัตถุดิบให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทดแทน ช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนภายในประเทศ ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ EXIM BANK จากการเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตดี
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซีกล่าวว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เอนเนอร์จี ฟันด์(MFC Energy Fund) มีมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี ขณะนี้ได้ระดมทุนได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท จากนักลงทุนสถาบันทั้งกลุ่มธุรกิจการเงินและกลุ่มธุรกิจพลังงานรวม 11 แห่ง กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในบริษัทที่ดำเนินกิจการเกี่ยวข้องกับพลังงานพลังงานทดแทนและธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุนนโยบายของรัฐด้านพลังงาน สำหรับเงินลงทุนต่อโครงการประมาณ 50-500 ล้านบาท เพื่อช่วยพัฒนาพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) จากแหล่งทรัพยากรภายในประเทศซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนและปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยเมื่อต้นปีนี้ กองทุนได้ลงทุนในบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิต “ไบโอดีเซล” โดยใช้เทคโนโลยีที่ค้นคว้าและวิจัย โดยผู้ก่อตั้งบริษัทเอง โดยโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตสูง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
ขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่จะเข้าร่วมลงทุนกว่า 30 แห่ง คาดว่าจะลงทุนเพิ่มอีก 2-3 โครงการภายในไตรมาส 2 ของปี 2551 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเชิงลึกเพื่อเตรียมลงทุนในหลายกลุ่มทั้งด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวลรวมถึงอุตสาหกรรมเอทานอลด้วย
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีนาคม 2551--
-พห-