การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตคนเมืองที่มักดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบ ต้องทำงานแข่งกับเวลา จนอาจทำให้การดูแลรักษาสุขภาพอาจเสียสมดุล วิถีชีวิตแบบนี้ทำให้เส้นแบ่งระหว่างอาหารมื้อหลักกับขนมหรือของทานเล่นเริ่มถูกรวมเข้าด้วยกัน ขนมเพื่อสุขภาพจึงเริ่มมีความต้องการจากประชากรคนเมืองสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีการพัฒนาให้สามารถนำมาบริโภคแทนอาหารมื้อหลักได้โดยได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในแต่ละวัน นอกจากผักและเห็ดที่นิยมนำมาพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพแล้ว ?คางกุ้ง? กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพทำให้ บริษัท พริกหอม อินเตอร์ฟู้ด จำกัด เล็งเห็นโอกาสทางการตลาด จึงนำคางกุ้งมาแปรรูปเป็นคางกุ้งทอดอบกรอบภายใต้ชื่อ ?Prinze? จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก
คุณปิยะรส แก้วกับทอง ผู้จัดการฝ่ายส่งออก บริษัท พริกหอม อินเตอร์ฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจเริ่มต้นจากครอบครัวของคุณปิยะฉัตร คำมา ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท พริกหอมฯ ที่ได้มีวิสัยทัศน์เล็งเห็นว่าควรจะนำคางกุ้งที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากกว่าการนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์หรือข้าวเกรียบกุ้ง ด้วยความมุ่งมั่นอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง จึงได้คิดค้นพัฒนาสูตรคางกุ้งให้เป็นอาหารหลากหลายชนิด เช่น ทอดอบกรอบ น้ำพริก ผงโรยข้าว มีหลากหลายรสชาติและอร่อย เป็นอาหารพร้อมบริโภค (Ready to Eat) ที่มีอายุการเก็บรักษา (shelf life) นานมากกว่า 18 เดือน เริ่มจากการผลิตภายใต้แบรนด์ของตัวเอง แต่หลังจากนำออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2560 ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและ แพลตฟอร์ม E-Commerce ระดับโลก สินค้าได้รับการตอบรับดี จนมีลูกค้าในต่างประเทศสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าสินค้า วางจำหน่ายที่ไหน จึงเป็นที่มาของการผลิตเพื่อส่งออก
คุณปิยะฉัตรมองว่า หากจะเปิดตลาดต่างประเทศ ต้องไปพบลูกค้าและนำเสนอสินค้าให้ทดลองรับประทานจะดีกว่าติดต่อพูดคุยทางออนไลน์อย่างเดียว จึงได้ไปร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่น ๆ หลายครั้ง จนเป็นที่รู้จักของลูกค้าในฐานะอาหารสุขภาพ เนื่องจากคางกุ้งเป็นส่วนใต้ของหัวกุ้งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ไคติน และไคโตซาน ที่มีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลได้ ผลิตภัณฑ์มีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จึงมีคำสั่งซื้อเข้ามาทั้งให้ผลิตรสชาติดั้งเดิมและจ้างผลิตเป็น OEM ให้กับผู้นำเข้าในหลายประเทศ? คุณปิยะรส กล่าว
ปัจจุบัน บริษัท พริกหอม อินเตอร์ฟู้ด ผลิตสินค้าจำหน่ายในประเทศ 20% อีก 80% ส่งออกไปที่จีน เกาหลี และประเทศในกลุ่ม CLMV มีทั้งส่งออกภายใต้แบรนด์ Prinze และรับจ้างผลิตให้กับผู้นำเข้าในต่างประเทศ นำไปติดตราสินค้าของตัวเองในอนาคตบริษัทมีแผนขยายการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง
คุณปิยะรส กล่าวว่า การนำสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องผลิตให้ได้มาตรฐานการนำเข้าของแต่ละประเทศ ตามกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ โดยเริ่มจากมาตรฐานของไทยอย่างเครื่องหมาย ?อย.? จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มาตรฐานรับรองการผลิตที่ปลอดภัย GMP (Good Manufacturing Practice) มาตรฐาน HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point System) มาตรฐานอาหารฮาลาล สำหรับคางกุ้งจัดเป็นอาหารทะเลจึงต้องมีใบรับรองทำประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายจากกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย นอกจากการขอเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากประเทศไทยแล้ว จะส่งออกไปประเทศใดก็จะต้องยื่นขอรับรองมาตรฐานจากประเทศนั้น ๆ ด้วย เพื่อให้สินค้าสามารถจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
คุณปิยะรสมองว่า ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูงคือ ตลาดตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศมุสลิมในบางประเทศ แต่การเจาะตลาดนี้ สินค้าจะต้องมีการผลิตและคุณภาพตามมาตรฐานฮาลาล ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ผู้บริโภคทุกตลาดสามารถบริโภคได้ การขอเครื่องหมายฮาลาลไม่ยาก เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม แม้จะได้เครื่องหมายฮาลาลจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) แล้ว เมื่อจะส่งออกก็ต้องขอเครื่องหมายฮาลาลจากประเทศปลายทางด้วยเช่นกัน
?ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายสินค้าให้กับผู้นำเข้าในมาเลเซีย เมื่อการเจรจาตกลงซื้อขายสำเร็จ บริษัทจึงจะยื่นขอเครื่องหมายฮาลาลจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งการขยายตลาดแต่ละแห่งจะยื่นขอมาตรฐานในแต่ละประเทศเมื่อการเจรจาซื้อขายสำเร็จแล้วเท่านั้น เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย? คุณปิยะรส กล่าว
พริกหอม อินเตอร์ฟู้ดได้พัฒนาศักยภาพทั้งด้านคุณภาพและมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค รวมถึงการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมาใช้และการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ล่าสุดได้ขยายการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์กุยช่ายทอดอบกรอบเป็นรายแรกของประเทศไทย โดยนำเอาสูตรกุยช่ายที่เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทยเชื้อสายจีนมาต่อยอด ทำให้สามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้นาน 14 เดือน โดยมีรสชาติอร่อยเหมือนรับประทานกุยช่ายทำใหม่เป็นอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพราะผลิตจากต้นกุยช่ายออร์แกนิกที่รับซื้อจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองสินค้าเกษตรปลอดภัย ผ่านการผสมแป้งตามสูตรแล้วนำไปทอดและอบสลัดน้ำมันให้พลังงานต่ำกว่ารับประทานขนมกุยช่ายทำสด
คุณปิยะรสกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เราจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ และขายในแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีมาก สินค้านี้กำลังเตรียมจะส่งออกเช่นกัน เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า
?สินค้าของเราได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว และรางวัล SME Provincial Award 2017 และ 2020 เรายังคงรักษารสชาติที่ได้รับการยกย่องและเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะเจาะตลาดโลกเพิ่มเติม? คุณปิยะรส กล่าว
บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก EXIM BANK ทั้งในรูปแบบของสินเชื่อและไม่ใช่สินเชื่อ มีการใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนและบริการประกันการส่งออก และได้เข้าร่วมอบรมความรู้ด้านการส่งออกในเชิลึกที่ SMEs Export Studio ของ EXIM BANK รวมทั้งเข้าร่วมในกิจกรรมอื่น ๆ ของธนาคารอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความรู้มากขึ้นเหมือนมีคู่คิดในการทำธุรกิจ
คุณปิยะรสแนะนำผู้ประกอบการรายใหม่ที่อยากผลิตอาหารเพื่อส่งออกว่า หากต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ จะต้องเตรียมความพร้อมของตัวเองในทุกด้าน โดยเฉพาะความรู้ด้านตลาดต่างประเทศ กฎระเบียบต่าง ๆ ของประเทศคู่ค้า เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก หากสินค้าไม่ได้คุณภาพตามกำหนด มีโอกาสสูงที่จะถูกปฎิเสธการซื้อ แม้โอกาสจะมีอยู่ทุกที่ อยู่ที่เราจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่ ดังนั้นหากมีข้อมูลไม่พอหรือต้องการคำปรึกษา ขอให้ปรึกษา EXIM BANK ซึ่งมีบุคลากรพร้อมให้คำแนะนำและจับมือเราทำตามขั้นตอนเพื่อให้สามารถส่งออกได้จริง สินค้าไทยมีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ขอให้เตรียมพร้อมให้ดี ทุกคนประสบความสำเร็จได้แน่นอน
ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนธันวาคม 2567