ในเดือนแห่งความรักนี้ ขอร่วมฉลองกับทุกคู่รักที่มีโอกาสแสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผยและเท่าเทียม หลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองให้การแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นประเทศ/ดินแดนที่ 3 ในเอเชียที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกันต่อจากไต้หวันและเนปาล รวมถึงเป็นหนึ่งในกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่รับรองสมรสเท่าเทียม ทั้งนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในหลายด้าน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ อาทิ
- ขยายตลาดท่องเที่ยวไทย : กลุ่ม LGBTQ+ เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและมักเลือกเดินทางไปพื้นที่ที่มีกฎหมายและนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อความหลากหลายทางเพศ การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมจึงทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ การสมรสเท่าเทียมจะกระตุ้นการใช้จ่ายจากงานแต่งงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ธุรกิจจัดงาน สถานที่จัดงานแต่งงาน และธุรกิจจัดทำของที่ระลึกและของตกแต่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับแรก สำหรับทริปฮันนีมูนของชาว LGBTQ+ (TOP 5 DESTINATIONS FOR A GAY HONEYMOON) จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ worldrainbowhotels.com และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับทริปฮันนีมูนที่ดีที่สุดในปี 2567-2568 ของเว็บไซต์ outofoffice.com ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทริปท่องเที่ยวให้แก่ชาว LGBTQ+
- เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ เนื่องด้วยฝีมือแพทย์ไทยเป็นที่ยอมรับและค่าบริการไม่สูงนัก รวมถึงมีบริการครบวงจร ประเทศไทยจึงมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ที่สนใจบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเสริมความงามและการแปลงเพศ ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขประมาณการว่า มีชาวไทยและต่างชาติราว 1.2 ล้านคนใช้บริการเหล่านี้ในแต่ละปี สร้างรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาท นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเปิดให้คู่สมรสต่างชาติสามารถเข้ามารับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์สำหรับการตั้งครรภ์แทนได้ จึงอาจสร้างโอกาสเพิ่มขึ้นในธุรกิจรักษาภาวะมีบุตรยาก
- ดึงดูดแรงงานทักษะสูง รวมถึงการลงทุน : ชาวต่างชาติจำนวนมากให้ความสำคัญกับความหลากหลาย การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมซึ่งสะท้อนว่าไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างและเคารพในสิทธิมนุษยชน จึงมีส่วนช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก ทั้งบุคลากรกลุ่ม LGBTQ+ และผู้ที่สนับสนุนความเท่าเทียม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทีมงานที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคใหม่และอาจเอื้อให้บริษัทต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายตัดสินใจลงทุนในไทยแทนประเทศคู่แข่งที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้ ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่มีนโยบายที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศอย่างชัดเจน อาทิ Apple, Google, Microsoft, Nike และ Coca-Cola
การสมรสเท่าเทียมจึงเป็นมากกว่าเรื่องของความรัก และยังเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียม และเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเดือนแห่งความรัก
Disclaimer : คอลัมน์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ EXIM BANK
ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ 2568