Economic Highlights: หน่วยงานสำคัญคาดเศรษฐกิจไทยปี 2552 ขยายตัว 0-2%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 24, 2008 14:31 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

Macro

หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่ง เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ตลอดจนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2552 ในทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยคาดว่าจะขยายตัว ราว 0-2% เนื่องจากผู้บริโภคและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนจะยังชะลอตัวต่อไปอีกระยะ หนึ่ง ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ปรับลดเป้าหมายการส่งออกปี 2552 ขยายตัวเพียง 5% จากเป้าหมายเดิมที่ระดับ 10% ส่วนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ แม้ว่าเป็นความหวังที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่อาจต้อง เผชิญกับข้อจำกัดมากขึ้นหลังจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้า อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาเป็นสำคัญ

          GDP Growth              2552
          กระทรวงการคลัง           0-2%
          (เดิม)              (4.0-5.0%)
          ธปท.                    0-2%
          (เดิม)              (3.8-5.0%)
          สศอ. และ ส.อ.ท.         0-2%

Business

กุ้ง : ปัญหาวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักสินค้ากุ้งไทย ส่งผลให้การส่งออกกุ้งในปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลงและกระทบต่อ ราคารับซื้อกุ้งของโรงงานแปรรูป อย่างไรก็ตามคาดว่ามูลค่าส่งออกกุ้งในปี 2552 ยังคงขยายตัวราว 5% เนื่องจากปัจจุบันกุ้งจัดเป็นอาหารพื้นฐานที่ บริโภคได้ทั้งปีประกอบกับคาดว่าต้นทุนการผลิตกุ้งในปี 2552 มีแนวโน้มลดลงจากราคาอาหารกุ้งที่ลดลง นอกจากนี้ การที่สมาคมกุ้งไทยเตรียมสนับสนุน ให้เกษตรกรปรับลดปริมาณการเพาะเลี้ยงกุ้งลง 20%จากปริมาณผลผลิต 4.9 แสนตันในปี 2551 คาดว่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของระดับราคากุ้ง

เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ : วิกฤติการเงินโลกส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายของผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ผลิตหลายรายได้ปรับตัวเพื่อลดต้นทุนการผลิต ดังนี้

               บริษัท                                                   แนวทางการปรับตัว

Sharp Corp. (ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก)                 เตรียมหยุดผลิตโทรทัศน์สีจอ LCD ที่โรงงาน 2 แห่ง ในญี่ปุ่น

ได้แก่ Tenri และ Mie (จากโรงงาน 3 แห่ง) พร้อมเตรียมแผน

ปรับลดจำนวนพนักงานชั่วคราวลง 380 อัตรา คิดเป็น 29%

ของจำนวนพนักงานชั่วคราวทั้งหมดในญี่ปุ่น

Toshiba Corp. (ผู้ผลิตหน่วยความจำ ประเภทNAND อันดับ 2 ของโลก) ปี 2552 มีแผนลดกำลังการผลิตหน่วยความจำประเภท NAND

ในโรงงาน Yokkaichi ในญี่ปุ่น ลง 30% ทั้งนี้ Toshiba

นับเป็นบริษัทแรกในเอเชียที่ลดกำลังการผลิตหน่วยความจำ

NAND ที่ใช้ในกล้องดิจิตัล และเครื่องเล่น iPod

เวสเทิร์น ดิจิตัล คอร์ป(ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟรายใหญ่ของสหรัฐฯ)           เตรียมปิดโรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟในประเทศไทย 1 โรงงาน

(จากทั้งหมด 3 โรงงาน ที่ตั้งในไทย) ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมปรับลด

ชั่วโมงทำงานของพนักงานทั่วโลกลง 20% ในปี 2552

International

สหรัฐฯ กับความพยายามฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย ดังสะท้อนให้เห็นได้จากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2551 ที่ลดลง 0.6% จาก เดือนตุลาคม 2551 และลดลง 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการผลิตในหมวดยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เหล็กและเคมีภัณฑ์ลดลงมาก ขณะ ที่ยอดก่อสร้างบ้านใหม่เดือนพฤศจิกายน 2551 ลดลง 18.9% จากเดือนตุลาคม 2551 มาอยู่ที่ 625,000 หลัง ลดลงมากที่สุดในรอบ 24 ปี เช่นเดียว กับยอดการขออนุมัติก่อสร้างบ้านใหม่เดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งลดลง 15.6% จากเดือนตุลาคม 2551 มาอยู่ที่ 616,000 หลัง ต่ำสุด เป็น ประวัติการณ์ ส่งผลให้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2551 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve : Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate) จาก 1% ให้เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดเก็บข้อมูลในเดือน กรกฎาคม 2497 และปรับลดอัตราดอกเบี้ย Discount Rate (อัตราดอกเบี้ยที่ Fed ให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงิน) จาก 1.25% เหลือ 0.5% เพื่อพยุง ไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตกต่ำอย่างรุนแรงในไตรมาส 4 ปี 2551 และบรรเทาปัญหาวิกฤติสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ Fed ปรับ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจนเกือบเป็นศูนย์แล้ว แต่สหรัฐฯ ยังสามารถดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพื่อบรรเทาปัญหาวิกฤติการเงิน โดยเฉพาะมาตรการ เข้าซื้อพันธบัตรเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินโดยตรง ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศแผนช่วยเหลือแก่ภาคการเงินไปแล้วรวมมูลค่า กว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธันวาคม 2551--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ