กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2551 อยู่ที่ระดับ 11,870.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 18.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ปี 8 เดือน ตั้งแต่เมษายน 2545 และเป็นระดับรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุสำคัญนอกเหนือจากการที่คำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีท่าทีจะบรรเทาลงแล้วยังเป็นผลจากเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2551 จนเป็นเหตุให้มีสินค้าส่งออกตกค้างเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มูลค่าส่งออกโดยรวมในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2551 ยังขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ระดับ 19.7% สำหรับมูลค่าส่งออกทั้งปี 2551 กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 18% ก่อนชะลอลงเหลือ 0-5% ในปี 2552 เทียบกับคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่รายงานเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ว่ามูลค่าส่งออกของไทยในปี 2552 จะหดตัว 2.7%
สิ่งทอ : สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยคาดว่าการส่งออกเครื่องนุ่งห่มในปี 2552 จะขยายตัว 0-5% เนื่องจากยังมีโอกาสขยายการส่งออกในหลายตลาด อาทิ ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันหันมาเน้นสั่งซื้อเครื่องนุ่งห่มจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ในอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะไทยและอินโดนีเซีย แทนการนำเข้าจากจีน ประกอบกับเครื่องนุ่งห่มประเภทแฟชั่นซึ่งมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่ใช่สินค้าส่งออกหลักของไทย
รองเท้า : การส่งออกรองเท้าของไทยในปี 2552 มีแนวโน้มได้รับผลดีจากการที่ EU ขยายสิทธิ GSP ให้แก่ไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 — 31 ธันวาคม 2554 ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้ารองเท้าลดลงจาก 8-9% เหลือ 3-5% นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการที่จีนถูก EU ตัดสิทธิ GSP และยังถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ประกอบกับค่าจ้างแรงงานของจีนปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศคู่แข่งที่ต้องจับตามอง คือ บราซิล ซึ่งมีจุดแข็งในแง่วัตถุดิบคุณภาพดี และยังเป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบให้ไทยด้วย
ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ : iSuppli บริษัทวิจัยด้าน IT ที่มีชื่อเสียงของโลก รายงานยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ไตรมาส 3 ปี 2551 เพิ่มขึ้น 15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ด้วยแรงหนุนสำคัญจากความต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) ที่เพิ่มขึ้นถึง 40% แม้เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ iSuppli ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราขยายตัวของมูลค่าจำหน่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกปี 2551 เป็น 13% (จากเดิม 12%) ก่อนที่จะชะลอลงเหลือเพียง 4.3% ในปี 2552
ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนาม
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนาม ดังนี้
ค่าเงิน เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 ธนาคารกลางของเวียดนาม (State Bank of Vietnam : SBV) ประกาศลดค่าเงินด่องลง 3% เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันของค่าเงินที่มีผลต่อทุนสำรองระหว่างประเทศและเพื่อกระตุ้นการส่งออกในปี 2552 ส่งผลให้ค่าเงินด่องอยู่ที่ระดับ 16,989 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจาก 16,494 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 พร้อมกันนี้ SBV ยืนยันว่าช่วงความเคลื่อนไหว (Trading Band) การซื้อขายเงินด่องของเวียดนามยังอยู่ที่ +/-3%
อัตราเงินเฟ้อ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (General Statistics Office : GSO) ของเวียดนาม รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2551 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 19.9% จาก 24.2% ในเดือนพฤศจิกายน 2551 นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และความต้องการสินค้าโดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2551 อยู่ที่ระดับ 23%
ดุลการค้า GSO คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของเวียดนามปี 2551 จะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับที่ขาดดุล 14.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2550 โดยมีสาเหตุจากการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อใช้สำหรับก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน Dung Quat (โรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของเวียดนาม) ซึ่งกำหนดเปิดดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ เป็นที่คาดว่ามูลค่าส่งออกของเวียดนามทั้งปี 2551 จะเพิ่มขึ้น 29.5% จากปี 2550 เป็น 62.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 27.5% เป็น 79.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่านำเข้าเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 22% เป็น 13.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มกราคม 2552--