เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2552 สำนักข่าว bilaterals.org รายงานว่ารัฐสภายุโรป (Members of European Parliament) ได้พิจารณารายงานความคืบหน้าการเจรจา FTA ระหว่างสหภาพยุโรป - อินเดีย ที่จัดทำโดยนาย Sajjad Karim สมาชิกรัฐสภาฯ จากสหราชอาณาจักร และได้แสดงความผิดหวังที่การเจรจาล่าช้าพร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลง นามสรุปผลการเจรจาภายในปลายปี 2010 ซึ่งจะมีผลดังนี้
1. ปรับปรุงการเข้าสู่ตลาดสินค้าและบริการ ครอบคลุมการค้าเกือบทั้งหมดยกเว้นการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะซึ่งอินเดียไม่ต้องการให้อยู่ในความตกลง
2. การค้าสองฝ่ายจะมีมูลค่ากว่า 70.7 พันล้านยูโรในปี 2010 และ 160.6 พันล้านยูโรภายในปี 2015
3. เพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างสหภาพฯ และอินเดีย ตลอดจนโอกาสของภาคธุรกิจ แต่จะต้องประเมินผลเป็นรายสาขา ทั้งนี้ อัตราภาษีที่เรียกเก็บจริงของอินเดียเฉลี่ย 14.5% สหภาพฯ 4.1%
4. เป็นประโยชน์แก่ประชาชนจำนวนมาก และช่วยให้อินเดียบรรลุ Millennium Development Goals รวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ข้อกังวลของอินเดียคือ
1. ความสอดคล้องของมาตรฐาน micro-biological ของสหภาพฯ นัยของ REACH ต้นทุนการออกใบรับรองการส่งออกผลไม้มายังสหภาพฯ และต้นทุนการปฏิบัติตามกระบวนการออก CE mark
2. การเปิดเสรีการค้าบริการจะต้องไม่กระทบต่อสิทธิที่จะควบคุมการค้าบริการ รวมถึงบริการสาธารณะ ทั้งนี้ ปัจจุบันสาขาบริการของอินเดียเติบโตเร็วที่สุด และจากข้อมูลของ the Federation of Indian Chambers of Commerce and Industry คาดว่าการค้าบริการจะมีมูลค่ามากกว่า 246.8 พันล้านยูโรในปี 2015
ข้อเรียกร้องของสมาชิกรัฐสภายุโรปดังนี้
1. สหภาพฯ และอินเดียต้องสร้างความมั่นใจว่าพันธกรณีภายใต้ FTA จะไม่กีดขวางการเข้าถึงยาจำเป็น ในช่วงที่อินเดียกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาความสามารถจาก generic industry เป็น reseach based industry
2. อินเดียควรมีนโยบาย IPR ที่เข้มแข็ง และใช้ความยืดหยุ่นภายในความตกลง TRIPs ให้สอดคล้องกับพันธกรณีเรื่อง public health โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าถึงยา เพราะอินเดียเป็นแหล่งผลิตยาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารายใหญ่ที่ถูกศุลกากรประเทศสมาชิกตรวจจับได้ (ประมาณร้อยละ 30 ของทั้งงหมด)
3. ความตกลงที่ทะเยอทะยานจะต้องมีพันธกรณีเรื่อง Mode 4 ด้วย สมาชิกรัฐสภาฯ เห็นประโยชน์ของการยอมรับคุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความตกลงยอมรับร่วมกัน และข้อกำหนดในการออกใบอนุญาตในแต่ละสาขาวิชาชีพทั้งในยุโรปและอินเดีย
4. อินเดียควรเปิดกว้างในการออกวีซ่าเข้าออกประเทศหลายครั้ง (multiple entries) แก่ประชาชน นักธุรกิจ นักการเมืองจากสหภาพฯ ในระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี
5. คณะกรรมาธิการฯ ควรแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้แรงงานเด็กระหว่างการเจรจา FTA ด้วย นอกจากนั้น ขอให้อินเดียให้สัตยาบันและปฏิบัติตามสนธิสัญญาขั้นพื้นฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ และแก้ไขปัญหาเรื่อง bonded labor ด้วย
6. บทบัญญัติใน FTA ควรสร้างความมั่นใจว่าบริษัทยุโรปที่อยู่ภายใต้ Special Economic Zones จะต้องเคารพสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐานด้วย
7. อินเดียควรลงนามใน Non-Proliferation Treaty
-พห-