EXIM BANK พร้อมขยายสินเชื่อและบริการด้านข้อมูลเพื่อสนับสนุนการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายคือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกษตรใน สปป.ลาว โรงไฟฟ้าและธุรกิจท่องเที่ยวในกัมพูชา สัตว์น้ำ แปรรูปและธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม ประมงแปรรูปและถ่านหินในอินโดนีเซีย รับเหมาก่อสร้างในอินเดีย รวมทั้งโครงการลงทุนในตลาดใหม่อย่างรัสเซียและแอฟริกาใต้
ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงข่าวเกี่ยวกับบทบาทของ EXIM BANK ในการสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์สปป.ลาว ว่า EXIM BANK พร้อมขยายสินเชื่อและให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยสอดคล้องกับแนวนโยบายของ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ต้องการให้ EXIM BANK ขยายบทบาทในเชิงรุกเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของนักลงทุนไทยเพิ่มมากขึ้นในการขยายการลงทุนหรือรับงานในต่างประเทศ รวมทั้งย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศเพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าจ้างแรงงาน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องการเงินลงทุนสูงและต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ทั้งนี้ ปัจจุบัน EXIM BANK มีบริการครบวงจรเพื่อนักลงทุนไทย ประกอบด้วยบริการสินเชื่อทั้งการให้กู้ตรงและการให้กู้ร่วมกับสถาบันการเงินอื่น การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การร่วมลงทุน บริการประกันความเสี่ยงการลงทุน บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ (Buyer’s Credit) และการเจรจากับภาครัฐและเอกชนในต่างประเทศ เพื่อรุกสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ภาคเอกชนไทยที่สนใจและมีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนในต่างประเทศ
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK มุ่งเน้นสนับสนุนโครงการของประเทศเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์หรือมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย 1) สปป.ลาว ธุรกิจท่องเที่ยวและเกษตรในจำปาสักและหลวงพระบาง และเกษตรและเกษตรแปรรูป 2) กัมพูชาโรงไฟฟ้าและ อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง และธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดสีหนุวิลล์ 3) เวียดนาม สัตว์น้ำแปรรูปและธุรกิจค้าปลีก 4) อินโดนีเซียประมงแปรรูปและถ่านหิน 5) อินเดีย รับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพร้อมสนับสนุนโครงการลงทุนของ ไทยในตลาดใหม่อย่างรัสเซียและแอฟริกาใต้
EXIM BANK มีกำหนดนำคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมโครงการเขื่อนและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 สปป.ลาว ในวันที่ 5 มีนาคม 2553 โดยโครงการตั้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ไปทางเหนือ 90 กิโลเมตร จากมูลค่าโครงการ 881 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2549 EXIM BANK ได้อนุมัติเงินกู้แก่กระทรวงการเงิน สปป.ลาว จำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเป็นเงินส่วนทุนของรัฐบาล สปป.ลาว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 25% ส่วนอีก 75% ถือหุ้นโดยบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SouthEast Asia Energy Limited : SEAN) ซึ่งมีบริษัท ช.การช่างจำกัด (ลาว) บริษัทย่อยของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% และ SEAN ได้รับสัญญาสัมปทาน 25 ปีเพื่อออกแบบก่อสร้างและดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 615 เมกะวัตต์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนน้ำงึม 2 จะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งหมด
นอกจากเขื่อนน้ำงึม 2 EXIM BANK ให้การสนับสนุนโครงการใน สปป.ลาว อีกจำนวน 5 โครงการทั้งในปัจจุบันและที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา ประกอบด้วยเขื่อนเทินหินบุน เขื่อนน้ำเทิน 2 โครงการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายดิบ เขื่อนห้วยเฮาะ โรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา ขณะที่ สปป.ลาว ตั้งเป้าหมายสู่การเป็น Battery of Asia ภายในปี 2563 ด้วยปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้า 20,000 เมกะวัตต์ต่อปี ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญจากการที่สปป.ลาว มีพื้นที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำหลายสายทั้งแม่น้ำโขงที่เป็นต้นน้ำและแม่น้ำสายย่อยที่มีปริมาณน้ำจำนวนมากและมีแรงดันน้ำสูง อีกทั้งสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวยต่อการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคใต้ โดยในปี 2550 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเป็นธุรกิจสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสูงสุดถึง 53% ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมดใน สปป.ลาว
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ข้อมูลของ Economist Intelligence Unit ในปี 2552 ระบุว่า ไทยเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของ สปป.ลาว ด้วยสัดส่วน 49% รองลงมาได้แก่ เวียดนาม 18.6%, จีน 12.1%, เกาหลีใต้ 6.3% และสหราชอาณาจักร 3.3% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไป สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจาก สปป.ลาว ได้แก่ สินแร่และโลหะอื่นๆ เชื้อเพลิงอื่นๆ ไม้ซุงและไม้แปรรูป พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และถ่านหิน
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีนาคม 2553--