ความน่าสนใจของตลาด
- ธุรกิจการแพทย์ของเกาหลีใต้มีแนวโน้มขยายตัวสูง โดยเฉพาะการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมความงาม ส่งผลให้ความต้องการถุงมือผ่าตัดขยายตัวสูงด้วย
- ประชากรของเกาหลีใต้มีกำลังซื้อสูง (GDP per Capita อันดับ 30 ของโลก) และให้ความสำคัญกับการผ่าตัดเสริมความงาม(กว่าร้อยละ 50 ของประชากรอายุ 25 ปีขึ้นไปเคยผ่าตัดศัลยกรรม)
- เกาหลีใต้เป็นประเทศผู้นำเข้าถุงมือผ่าตัดรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากจีนและญี่ปุ่น
“ธุรกิจการแพทย์ของเกาหลีใต้เติบโต อย่างต่อเนื่อง จากทั้ง สัดส่วนจำนวนประชากรในประเทศที่สนใจผ่าตัดเสริมความงามในระดับสูงและอัตราขยายตัวของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่สูงถึงร้อยละ 30 ต่อปี จากปัจจุบันที่ผู้ป่วยต่างชาติในเกาหลีใต้ยังมีเพียง 70,000 คนต่อปี เทียบกับไทยที่ 1.3 ล้านคนต่อปี”
โครงสร้างตลาด : พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก
- เกาหลีใต้ผลิตถุงมือผ่าตัดได้น้อยมาก เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบยางธรรมชาติและค่าจ้างแรงงานสูง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอยู่ในระดับสูง
- ตลาดถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเลเซียและไทยซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าถุงมือผ่าตัดรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้
- แม้การนำเข้าถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ ปี 2552 มีมูลค่า 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 2.6 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่หากพิจารณามูลค่านำเข้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2543-2552) จะเห็นได้ว่ามูลค่านำ เข้ามีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 18.2 ต่อปี
ขั้นตอนและระเบียบการนำเข้าถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ มีดังนี้
1) ผู้นำเข้าเตรียมเอกสารต่างๆ ได้แก่ ผลการทดสอบความปลอดภัยและความถูกต้องของสินค้า ผลการทดสอบมาตรฐานสินค้า ใบรับรองการอนุมัติผลการทดสอบ และใบอนุญาตการเป็นผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายสินค้าภายในประเทศทั้งนี้ การทดสอบสินค้าต้องดำเนินการโดยห้องแล็บที่ได้รับการรับรองจาก KFDA (Korea Food and Drug Administration)
2) ผู้นำเข้าส่งเอกสารในข้อ 1 และตัวอย่างสินค้าที่ต้องการนำเข้าแก่คณะกรรมการตรวจคุณสมบัติของ KFDA
3) ผู้นำเข้าจะสามารถนำเข้าสินค้าได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตการนำเข้าจาก KFDA ซึ่งใช้เวลาราว 1-2 เดือนหลังจากผู้นำเข้าส่งเอกสารทัง้หมดแก่ KFDA
ลักษณะความต้องการและรสนิยม : นิยมถุงมือผ่าตัดขนาด 6-8.5 นิ้ว
รายการ ลักษณะ ขนาด ถุงมือผ่าตัดขนาด 6-8.5 นิ้ว ได้รับความนิยมมากที่สุด ราคา ราคานำเข้าอยู่ที่คู่ละ 0.10-0.14 ดอลลาร์สหรัฐ (FOB)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่คู่ละ 370-380 วอน หรือราว 0.30-0.31 ดอลลาร์สหรัฐ
รสนิยม ในอดีตแพทย์เกาหลีใต้ส่วนใหญ่เชื่อมัน่ มาตรฐานถุงมือผ่าตัดของสหรัฐฯ มากที่สุดเนื่องจากแพทย์ส่วนใหญ่
จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ทำให้มีความเคยชินและมั่นใจในคุณภาพสินค้าสหรัฐฯ แต่ในข้อเท็จจริงถุงมือผ่าตัดของสหรัฐฯ
ส่วนใหญ่นำเข้าจากมาเลเซียและไทย ก่อนนำไปติดตราผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกต่อไป อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันเกาหลีใต้ลดการใช้ถุงมือผ่าตัดจากสหรัฐฯ แต่หันไปใช้ถุงมือผ่าตัดจากมาเลเซียและไทยที่มีราคาถูกกว่าแทน
การบรรจุหีบห่อ สินค้าจำนวน 1 กล่อง ประกอบด้วยถุงมือผ่าตัดจำนวน 200 คู่ ถุงมือผ่าตัดแต่ละคู่แยกบรรจุในถุงพลาสติกใส ช่องทางการจัดจำหน่าย มี 3 รูปแบบ ได้แก่
1) ผู้นำเข้า-ผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ-ผู้บริโภค
2) ผู้นำเข้า-ผู้บริโภค
3) ผู้บริโภคสัง่ซื้อโดยตรง
โอกาสของผู้ส่งออกไทย : AKFTA เพิ่มโอกาสในการส่งออก
ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบ เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะปลูกยางพาราใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ โครงสร้างต้นทุนการผลิตถุงมือผ่าตัดประกอบด้วยต้นทุนวัตถุดิบยางพาราสูงที่สุดด้วยสัดส่วนร้อยละ 30 ของต้นทุนการผลิตโดยรวม
- ประเทศไทยดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการผลิตถุงมือผ่าตัด โดยปจั จุบันมีโรงงานผลิตถุงมือผ่าตัดของไทยที่ร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติ ทัง้สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และเยอรมนี
- ถุงมือผ่าตัดของไทยได้รับการยอมรับในตลาดเกาหลีใต้มากขึ้น สะท้อนจากมูลค่าส่งออกถุงมือผ่าตัดของไทยไปเกาหลีใต้ในปี 2552 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 104.1 ขณะที่มูลค่าส่งออกของคู่แข่งอย่างมาเลเซียขยายตัวเพียงร้อยละ 7.6
- อัตราภาษีนำเข้าถุงมือยางที่เกาหลีใต้เรียกเก็บจากไทยอยู่ที่ร้อยละ 0 จากผลของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) ขณะที่การนำเข้าถุงมือยางจากประเทศอื่นๆ ต้องเสียภาษีร้อยละ 8 ทั้งนี้ จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธสน. พบว่า ราคามีผลต่อการตัดสินใจนำเข้าถุงมือผ่าตัดในเกาหลีใต้ สังเกตได้จากปริมาณถุงมือผ่าตัดที่นำเข้าเพิ่มขึ้นเมื่อราคานำเข้าลดลง ดังนั้น ข้อตกลง AKFTA จึงน่าจะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับถุงมือผ่าตัดส่งออกจากไทยมากขึ้น
“แม้อัตราการใช้สิทธิ์ AKFTA ของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากข้อตกลงเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ส่งออกไทยจะหันมาใช้สิทธิ์จากข้อตกลงนี้มากขึ้นในระยะต่อไป”
ข้อสังเกต : ผู้ส่งออกถุงมือยางของไทยมีเพียงร้อยละ 10 ที่ส่งออกถุงมือผ่าตัด ขณะที่อีกร้อยละ 90 ส่งออกถุงมือตรวจโรคซึ่งผู้ส่งออกถุงมือตรวจโรคสามารถขยายการผลิตเพื่อส่งออกถุงมือผ่าตัดเพิ่มขึ้น หากสามารถพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้นได้
ภาวะการแข่งขันในตลาด : มาเลเซียเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่ไทยได้เปรียบด้านวัตถุดิบ
การแข่งขันในตลาดถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันระหว่างมาเลเซียกับไทยเป็นหลัก เนื่องจากทัง้สองประเทศครองส่วนแบ่งตลาดราวร้อยละ 80 ของปริมาณนำเข้าถุงมือผ่าตัดทั้งหมดของเกาหลีใต้ ทั้งนี้ มาเลเซียถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพสูง โดยเป็นผู้ส่งออกถุงมือผ่าตัดอันดับ 1 ของโลก อย่างไรก็ตาม มาเลเซียมีต้นทุนวัตถุดิบสูงกว่าไทย เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบน้ำยางข้นจากไทย ขณะที่คู่แข่งอื่นๆ เช่น จีน ศรีลังกา สหรัฐฯ และอินเดีย มีส่วนแบ่งตลาดไม่มากนัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีส่วนแบ่งตลาดลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากถุงมือผ่าตัดจากสหรัฐฯ มีราคาแพง ประกอบกับผู้ประกอบการสหรัฐฯ เข้าไปร่วมทุนจัดตั้งโรงงานผลิตถุงมือผ่าตัดในมาเลเซียและไทยมากขึ้น ตลอดจนผู้บริโภคเริ่มให้ความเชื่อถือถุงมือผ่าตัดจากมาเลเซียและไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ กลยุทธ์การแข่งขันเน้นการแข่งขันด้านราคา โดยมีมาตรฐานคุณภาพเป็นปัจจัยกำกับ อย่างไรก็ตาม การเปิดเขตการค้าเสรี AKFTA ซึ่งทำให้ราคานำเข้าถุงมือผ่าตัดจากอาเซียนลดลง คาดว่าจะยิ่งส่งผลให้คู่แข่งในตลาดถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ลดจำนวนลงเหลือเพียงมาเลเซียและไทย ซึ่งได้รับประโยชน์จากข้อตกลงดังกล่าวมากที่สุด
แนวโน้มตลาด : เติบโตตามธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม
ตลาดถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายตัวของธุรกิจการแพทย์ โดยเฉพาะการศัลยกรรมเสริมความงาม ซึ่งปัจจุบันเรียกได้ว่าเกาหลีใต้เป็นศูนย์กลางศัลยกรรมเสริมความงามใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 จากปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติราว 70,000 คนต่อปี ขณะที่ประชากรในประเทศให้ความสำคัญกับการเสริมความงามและการรักษาพยาบาลอย่างมาก สะท้อนจากค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของเกาหลีใต้ ปี 2550 อยู่ที่ 1,688 (PPP int. $/ คน/ปี)* ขยายตัวร้อยละ 9.6 ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 863 (PPP int. $/คน/ปี) ตลอดจนเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มีความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มขยายตัวดี โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2553 และปี 2554 จะขยายตัวราวร้อยละ 4.5 และร้อยละ 5.0 ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนข้างต้นคาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการถุงมือผ่าตัดของเกาหลีใต้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ : * PPP int. $ เป็นการคิดค่าใช้จ่ายตามหลักความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity) ซึ่งขจัดผลของอัตราเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบอำนาจซื้อที่แท้จริงของแต่ละประเทศได้
“หาก GDP ของเกาหลีใต้ขยายตัวร้อยละ 1 จะส่งผลให้ปริมาณนำเข้าถุงมือผ่าตัดขยายตัวร้อยละ 3.7”(ที่มา : ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธสน.)
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฏาคม 2553--