1. การส่งออกของประเทศญี่ปุ่นเดือน สิงหาคม 2553 มีมูลค่า 4.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 15.5 เป็นอัตราเพิ่มต่อปี ที่ต่ำสุดในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินเยนที่แข็งขึ้น และความต้องการในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือน สิงหาคม 2553 มีค่า 86.37 เยน/เหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.1 จากอัตราเฉลี่ย 94.97 เมื่อเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
การชลอตัวของมูลค่าส่งออกมีสาเหตุสำคัญจาก ยอดส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวเพียง ร้อยละ 8.8 ต่อปี ลดลงจากอัตรา ร้อยละ 25.9 ในเดือนกรกฎาคม 2553 มูลค่าส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 8.3 ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2552
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของญี่ปุ่นไปจีนและประเทศเอเชีย ยังคงขยายตัว เนื่องจากสินค้าเหล็กกล้า อุปกรณ์โลหะ เครื่องมือ- อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ โดยการส่งออกไปจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับ 1 ของญี่ปุ่น มีมูลค่า 1.048 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 ขณะที่ตลาดเอเชียโดยรวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.6 มีมูลค่า 3.053 ล้านล้านเยน
สถานการณ์การส่งออกที่อ่อนตัวลงและภาวะค่าเงินเยนแข็งค่า ได้สร้างความกังวลว่าอาจเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินเยน นอกจากทำให้สินค้าส่งออกมีราคาสูงขึ้นแล้วอาจส่งผลให้ผลกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศที่ส่งกลับมีมูลค่าลดลงด้วย
2. ในช่วงกลางเดือน กันยายน นี้เงินเยนแข็งค่าสูงสุดในรอบ 15 ปี ในอัตรา 82 เยน/เหรียญสหรัฐฯ จนทางการญี่ปุ่นต้องเข้าแทรกแซงในตลาดเงินเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2549จนอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับ84-85 เยน/เหรียญสหรัฐฯ จนถึงปลายเดือน
3. รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาช่วยเหลือธุรกิจญี่ปุ่น ในการส่งออกเทคโนโลยี่โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ประสบการแข่งขันกับจีน และเกาหลีใต้ จากการประมูลในประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย
สคร.โตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th