รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าภูมิภาคยุโรป (อิตาลี) ระหว่างวันที่ 1 - 15 ตุลาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 18, 2010 11:08 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สถานการณ์เศรษฐกิจอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2553 ยังคงทรงตัว และค่อนข้างซบเซาโดยมีอัตราการว่างงานในอิตาลีในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2553 อยู่ที่ 8.4% และลดลงอยู่ที่ 8.2% ในเดือนสิงหาคม 2553 ซึ่งนับว่าตาที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ทั้งนี้รัฐบาลอิตาลีคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 1.2% ในปีนี้และ 1.3% ในปี 2554 ซึ่งสอดคล้องกับสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งชาติ (Confindustria) ซึ่งคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 1.2% ในปีนี้และ 1.6% ในปี 2554 ขณะที่ธนาคารแห่งชาติอิตาลี สหภาพยุโรป และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กลับคาดการณ์ไว้ต่ำกว่านั้น ธนาคารแห่งชาติอิตาลีคาดว่า GDP ของอิตาลีน่าจะเพิ่มขึ้นแค่ 1% ทั้งในปีนี้และปีหน้า สหภาพยุโรปคาดว่าน่าจะเพิ่มแค่ 0.8% ในปีนี้ และปีหน้าอาจจะได้ 1.4 % และ IMF เห็นว่าในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นได้แค่ 0.9% และปีหน้าก็น่าจะทาได้ดีที่สุดแค่ 1%

2. องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) รายงานว่าอิตาลีเป็นประเทศในกลุ่ม G7 ประเทศเดียวที่พบการหดตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคม -กันยายน และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ GDP ของอิตาลีน่าจะสูงขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังทำให้อิตาลีเป็นประทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจช้าที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิก

3. จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2552 ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อตอนเหนือของอิตาลี ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลีตกลง 6 % ขณะที่ตะวันออกเฉียงเหนือตกลง 5.6% ส่วนภาคกลางตกลงน้อยที่สุดคือ 3.9% และภาคใต้ 4.3% แต่ภาคเหนือยังคงค่า GDP ต่อจำนวนประชากรมากกว่าภาคอื่น คือ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือเฉลี่ยอยู่ที่ 30,036 ยูโร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 29,746 ยูโร ส่วนภาคกลาง และภาคใต้เฉลี่ยอยู่ที่ 28,204 ยูโร และ 17,324 ยูโรตามลำดับ

4. สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลีรายงานว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ระดับ 6.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2552 อยู่ที่ระดับ 6.3%

  • ยอดขาดดุลสำหรับช่วงไตรมาสที่ 2 ไต่ระดับไปอยู่ที่ 3.6% ของ GDP จาก 3.4 % ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายจ่ายแผ่นดินในช่วงไตรมาสที่ 2 ตกลง 1.2% ตั้งแต่เดือนเมษายน -มิถุนายนและคิดเป็น 48.2% ของ GDP เมื่อเทียบกับ 49.9ในไตรมาสที่ 2 ของปี2552 เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา งบประมาณรายจ่ายแผ่นดินลดลง 0.9% คิดเป็น 48.4% ของ GDP น้อยกว่า 49.6% ของช่วงเดียวกันในปี 2552
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลียังรายงานอีกว่ารายได้แผ่นดินในช่วง 6 เดือนแรกลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2552 และคิดเป็น 1.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่2 รายได้แผ่นดินในช่วง 6 เดือนแรกเท่ากับ 42.3ของ GDP ลดลงจาก 43.3% ของช่วง 6 เดือนแรกในปี 2552 ขณะที่ไตรมาสที่ 2 คิดเป็น 44.7% GDP เทียบกับ 46.5% ของปี 2552
  • ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมอิตาลี ( Confindustria ) ให้ความเห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจของอิตาลีไม่ได้ดีขึ้นกว่าประเทศอื่นตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง เนื่องจากอัตราการเติบโตที่เกิดขึ้นจริงยังคงตากว่าค่าเฉลี่ยที่สหภาพยุโรปประเมินไว้ อิตาลียังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน สิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรคำนึงคืออัตราการเติบโต และอัตราการจ้างงาน ซึ่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจควรอยู่ที่ 2% ไม่เช่นนั้นอิตาลีคงไม่สามารถลดอัตราการว่างงาน รักษาระดับการผลิต และสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนได้

5. ผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีลดลง 2.7 % ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2553 แต่เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 และนับเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยสานักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี I STAT รายงานว่ายอดการสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมในอิตาลี ปรับตัวลดลง 3 % ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2553 และนับเป็นการปรับตัวลดลงครั้งที่ 2 แต่หากเทียบกับเดือนกรกฎาคมในปีที่ผ่านมาตัวเลขกลับปรับตัวสูงขึ้น 0.7 % และทำให้การสั่งซื้อรายปีสูงขึ้น 0.7% หลังจากที่เคยไต่ระดับไปถึง 14.7 % ในเดือนมิถุนายน 2553

6. ผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมรถยนต์อิตาลีเพิ่มขึ้น 1.6 % ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แม้ว่ายอดการสั่งจองจะลดลง 4.6 % อย่างไรก็ดี ตลาดรถยนต์มือหนึ่งในอิตาลียังคงซบเซาในช่วงเดือนกันยายน ยอดขายลดลง 18.89% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากที่เดือนสิงหาคมก็ลดลงไปถึง 19.27% ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปีตกลงไป 4.35% เมื่อเทียบกับปี 2552 ทั้งนี้บริษัท Fiat รวมทั้งรถยนต์ในเครืออย่าง Lancia และ Alfa Romeo แจ้งว่ายอดขายดิ่งลงถึง 26.32% ในเดือนกันยายน และส่วนแบ่งในตลาดลดลงเหลือ 28.59% จาก 31.48% ของปีที่แล้ว และ 30.65% ของเดือนสิงหาคม โดยหากเปรียบเทียบกับกันยายน 2552 รถยนต์ Fiat ตกลงจาก 24.1% เหลือ 21.64% และ Lancia ตกลงเหลือ 4.93% เหลือ 3.91% ขณะที่ Alfa Romeo มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 2.45% เป็น 3.04% ซึ่งทางบริษัทได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าตลาดรถยนต์อิตาลียังคงซบเซาอยู่ในระดับดังกล่าวจนถึงไตรมาสแรกในปี 2554

7. การค้าปลีก - ยอดค้าปลีกในตลาดอิตาลี ยังคงอ่อนแอ แม้ว่าก.ค.ปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้น 1.7 แต่สมาพันธ์ธุรกิจอิตาลี (Conferescenti ) กล่าวว่า การค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปี นับว่าซบเซา แม้ตัวเลขจะดูสูงขึ้น แต่ผู้บริโภคไม่ได้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจริง อัตราการเติบโตรายปีต้องเกิดจากการเก็บหอมรอมริบทีละน้อย การใช้จ่ายภายในครอบครัวน่าจะสูงขึ้นเพียงแค่ 0.3 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกรายย่อยแห่งชาติ (Confcommercio) ให้ความเห็นว่าการใช้จ่ายในแต่ละครัวเรือนยังคงหยุดชะงัก การฟื้นตัวของความต้องการในการบริโภคคงยังไม่ต้องพูดถึง ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (ISTAT) รายงานว่ายอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้น 1.7 % ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 เป็นผลจากยอดการขายสินค้าจาพวกอาหารที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2.4 % และสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร 1.3 % แต่หากเทียบกับเดือนมิถุนายน 2553 สินค้าจาพวกอาหารเพิ่มขึ้น 0.4 % ขณะที่สินค้าไม่ใช่อาหารลดลง 0.2 %

ยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คือสินค้าที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพและเลนส์ เพิ่มขึ้น 5% สินค้าจำพวกอุปกรณ์วิทยุ โทรทัศน์ เพิ่มขึ้น 4.3 % ขณะที่ยอดการจำหน่ายเครื่องดนตรีลดลง 2.5 % ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการหดตัวของยอดขายปลีก มีผู้ประกอบการอย่างน้อย 7,600 รายต้องปิดกิจการ และยอดขายที่สูงขึ้นเพียง 0.6 % ในเดือนกรกฎาคม 2553 ไม่สามารถกอบกู้สถานภาพจากค่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้

-ราคาผู้ผลิตในเดือนสิงหาคม 2553 ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือน ก่อนและมากกว่าเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา 3.5% การปรับตัวดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้

ราคาผู้ผลิตในเดือนสิงหาคม 2553 สำหรับสินค้าที่วางขายภายในประเทศ (ซึ่งมีส่วนแบ่ง 75% ของสินค้าทั้งหมด) ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนกรกฎาคม 2553 แต่เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สินค้าที่จำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนกรกฎาคม 2553 และเพิ่มขึ้น 3% จากเดือนเดียวกันปีก่อน

8. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีในเดือนกันยายน 2553 ปรับตัวขึ้นสูงที่สุดนับจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคมตกลงถึงจุดต่ำสุดที่ 104.1 จุด จากที่เคยตกลงครั้งล่าสุดในเดือนมีนาคม 2552 สถาบันเพื่อการวิเคราะห์และศึกษาเศรษฐกิจ (ISAE) รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวกลับมาที่ 107.2 จุด หลังจากที่เริ่มแกว่งตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 โดยมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2552 ตกลงช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 เพิ่มขึ้นอีกในเดือนเมษายน หลังจากนั้นก็สลับขึ้นๆลงๆ จนกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้งในเดือนกันยายน โดยการปรับตัวสูงขึ้นเกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะทางใต้ของอิตาลี

มูลค่าการส่งออกของอิตาลีในเดือนกรกฎาคม 2553 ตกลง 0.6 % เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มสูงขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันยายนในปีก่อน มูลค่าการนำเข้า ลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้านี้ แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21%

9. สานักงานสถิติแห่งชาติอิตาลีได้รายงานว่า ในเดือนกรกฎาคม อิตาลีมีดุลการค้า 1.8 พันล้าน ลดลงร้อยละ 50 ของดุล 3.6 พันล้านในปี 2552 สานักงานสถิติแห่งชาติอิตาลีกล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2553 การส่งออกที่เพิ่มขึ้น 12.5 % และการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 18.9 % เป็นผลทำให้ขาดดุล เพิ่มขึ้น 12.6 พันล้านยูโร ซึ่งนับว่าสูงกว่ามากเมื่อเที่ยบกับปี 2552 ที่ขาดดุลอยู่ 1.3 พันล้านยูโร

การส่งออกนอกสหภาพยุโรปในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2553เพิ่มขึ้น 13.8 % และยอดนาเข้าเพิ่มขึ้น 23.2 % ขณะที่การส่งออกภายในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 11.6% และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 13.6%

10 . ผลสำรวจของ Polytechnic's Management School แห่งเมืองมิลาน คาดว่าธุรกิจ E-commerce ยังมีอนาคตสดใส และปี 2553 นี้น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% คิดเป็น 5.4 พันล้านยูโร ทั้งนี้คนอิตาลีมีแนวโน้มที่จะซื้อของ Online เพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจ Online ทุกประเภทน่าจะเพิ่มขึ้น 13% คิดเป็น 11.5 พันล้านยูโร

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก อิตาลี   ยุโรป   GDP  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ