รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าภูมิภาคอาเซียน พร้อมกิจกรรม สคร.สป 1-15 ต.ค.53

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 26, 2010 12:23 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเทศสิงคโปร์

ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม 2553

เศรษฐกิจ-ภาวะการค้า

1.สิงคโปร์มุ่งเน้นเป็นเมืองที่ดีขึ้นและมีรายได้สูงขึ้นภายในปี 2560 โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลก และให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของโลก เช่นเดียวกับ Zurich, Vienna, Vancouver และ Munich ในปัจจุบันสิงคโปร์ได้รับอันดับที่ 28 จากการสำรวจของ Mercer (Human Resource Consulting Firm) สำหรับรายได้เฉลี่ย ตั้งเป้าหมายให้มีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 1/3 ภายใน 10 ปีข้างหน้า ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยประมาณ 2,400 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน หากสิงคโปร์ทำให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,100 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือนในระยะ 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ สาขาต่างๆที่สามารถส่งเสริมให้มีการเติบโต ได้แก่ การสร้างเมืองทันสมัย การบริหารจัดการน้ำ การให้บริการแก่กลุ่มชนรายได้ปานกลางในภูมิภาคในด้านการรักษาสุขภาพ-การท่องเที่ยว-การศึกษา-การพักผ่อนหย่อนใจและการเงิน ทั้งนี้ ภาครัฐได้จัดตั้ง Economic Strategies Committee (ESC) ทำการศึกษาและเสนอข้อคิดเห็นในการสร้างให้ประเทศมีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งได้เสนอให้ส่งเสริมความสามารถในการผลิตให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2-3 ต่อปี (จากเดิมร้อยละ 1)

2.การก่อสร้างในสิงคโปร์มีราคาสูงที่สุดในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากรายงานการสำรวจของ EC Harris ปรากฎว่า ค่าการก่อสร้างในสิงคโปร์สูงกว่าในอังกฤษถึงร้อยละ 7 นอกจากนี้ ค่าแรงงานในสิงคโปร์มีอัตราสูง และขาดแคลนคนงาน semi-skilled รวมถึงราคาสินค้าก่อสร้างเช่น steel และ copper เพิ่มสูงขึ้นด้วย

3.ค่าเช่าสำนักงานในสิงคโปร์มีอัตราสูงเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาค จากการสำรวจของ Colliers International ซึ่งค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 อัตราค่าเช่าสำนักงานเมื่อถึงปลายเดือนมิถุนายน 2553 อัตราเฉลี่ย 6.77 เหรียญสิงคโปร์/ตารางฟุต/เดือน คาดว่า จะมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ในช่วงที่เหลือของปี 2553

4. International Enterprise (IE) Singapore ส่งเสริมการขยายธุรกิจไปยังอินเดียและรัสเซีย โดยจัดให้มีการอบรมภายใต้ Business Fellowship (iBF) Programme ซึ่ง IE ให้การสนับสนุนบริษัทที่สนใจเข้าร่วมการอบรม สำหรับค่าเข้าร่วมอบรมร้อยละ 70 และค่าตั๋วเครื่องบินร้อยละ 50 หัวข้อในการอบรมได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและแนวโน้มสังคม ระบบการเงิน กฎ/ระเบียบต่างๆ ลักษณะการทำงานของบุคคลากร การบริหารจัดการธุรกิจ ตลาดการค้าปลีก ประสบการณ์ของบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนแล้ว รวมถึงการเดินทางไปอบรมในอินเดีย (ระหว่างวันที่13-19 ตุลาคม 2553) และรัสเซีย (ระหว่างวันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2553) ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก Tata Management Training Center (อินเดีย) และ Skolkovo Moscow School of Management : MSM (กรุงมอสโคว์, รัสเซีย)

5.ผู้โดยสารผ่านสนามบิน Changi เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ในเดือนสิงหาคม 2553 มีจำนวน 3.47 ล้านคน แม้ว่า สภาวะอุตสาหกรรมการบินเริ่มที่จะกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่อัตราการเติบโตในเดือนสิงหาคม 2553 น้อยกว่าอัตราในช่วงก่อนหน้า สำหรับจำนวนรวมช่วง 8 เดือนแรก ของปี 2553 มีผู้โดยสารผ่านสนามบิน 27.38 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 และคาดว่า สนามบินชางกีจะมีผู้เดินทางผ่านถึง 40 ล้านคนในปี 2553 สายการบินที่ทำให้มีการเติบโต ได้แก่ Tiger Airways, Lion Air and Cathay Pacific ที่เพิ่มเที่ยวบินสู่เมืองต่างๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ ฮ่องกง จาการ์ตา และกัวลาลัมเปอร์ ทั้งนี้ การขนส่งสินค้าผ่านสนามบินในเดือนสิงหาคม 2553 มีปริมาณ 155,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 (เทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า) ในช่วง 8 เดือนแรกมีปริมาณรวม 1.19 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15

6. AVA สนับสนุน 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพิ่มผลผลิตอาหาร Agri-Food and Veterinary Authority (AVA) สนับสนุนผู้ผลิต 11 ราย ภายใต้โครงการ Food Fund เพิ่มผลผลิตสินค้าอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ปลา ไข่ไก่ และผักใบเขียว โดยส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาระบบให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น และสำหรับผู้นำเข้า AVA ส่งเสริมให้นำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อให้ชาวสิงคโปร์มีอาหารเพียงพอสำหรับบริโภค ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพิ่มผลผลิตปลาจากร้อยละ 4 เป็นร้อยะ 15 ไข่ไก่ จากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 30 และผักใบเขียว จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 นอกจากนี้ AVA ให้เงินสนับสนุนการศึกษาและสำรวจเพื่อการลงทุน Food Zone และ Contract Farming ในต่างประเทศ ด้วย

7. ระเบียบเข้มงวดในการขอ PR สำหรับนักลงทุนต่างชาติ ภายใต้ข้อบังคับใหม่ Global Investor Programme (GIP) เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 นักลงทุนต่างชาติจะต้องมีเงินลงทุน 2.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ไม่รวมมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ (เดิม มูลค่า 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ รวมอสังหาริมทรัพย์) และรายได้ของบริษัทต่อปี มูลค่า 30 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (เดิม มูลค่า 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี)

8. EDB เชิญชวนบริษัทต่างชาติขนาดกลางลงทุนในสิงคโปร์ Economic Development Board (EDB) สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานสภาอุตสาหกรรมของชาติต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเปิดบริษัทในสิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นให้การดำเนินการจัดตั้งบริษัทเป็นไปอย่างสะดวกแก่บริษัทขนาดกลางจากสหรัฐฯ ยุโรปและประเทศอื่นๆทั้งในและนอกเอเชีย ซึ่งภายใน 6 เดือนข้างหน้า EDB วางแผนสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ 10 หน่วยงาน ให้เป็นตัวกลางเชิญชวนบริษัทขนาดกลางจากทั่วโลกและบริษัทในเอเชียเข้ามาลงทุนในสิงคโปร์ ทั้งนี้ ได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ Singapore Business Federation (SBF) เป็นแห่งแรก

การลงทุนในต่างประเทศ

1. บริษัทสิงคโปร์ ลงทุนในเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัท 3 ราย ในกลุ่มพลังงาน เคมีภัณฑ์และ biopharmaceutical คือ บริษัท HSL constructor, Mun siong Engineering and FRP Products ได้ลงนาม Memorandum of Understanding (MOU) โครงการโรงกลั่นน้ำมัน มูลค่ามหาศาลที่จะทำการสร้างในช่วง 5 ปี ข้างหน้า คาดว่า จะได้รับสัญญามูลค่าประมาณ 1-2 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในปีแรก และอาจจะได้รับสัญญาถึง 20 ล้านเหรียญสิงคโปร์หลังจากที่บริษัทฯเป็นที่รู้จักในตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนในพม่า กัมพูชาและลาวในโครงการใหม่ๆในอนาคต

2. The Government of Singapore Investment Corporation (GIC) ส่งเสริมการลงทุนในตลาดใหม่ (Emerging Markets) โดยเฉพาะในเอเชีย (เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม) ยุโรป (เช่น ตุรกี และโปแลนด์) และอัฟริกาใต้ เนื่องจากมีโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้ามากกว่าประเทศที่พัฒนา แล้ว นอกจากนี้ GIC ประสงค์เข้าสู่ตลาดประเทศจีน อินเดีย บราซิล เกาหลีใต้ และไต้หวัน ทั้งนี้ GIC มีสำนักงานในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โตเกียว และ โซล

การลงทุนในประเทศ

1. ธนาคาร DBS สิงคโปร์ เปิด DBS Asia Hub ด้วยเงินลงทุน 200 ล้านเหรียญสิงคโปร์สร้างอาคาร 9 ชั้น บนพื้นที่ 340,000 ตารางฟุต ณ Changi Business Park เพื่อให้เป็นศูนย์ของเอเชีย และให้ขยายพื้นที่ของศูนย์ ฝึกอบรม DBS Academy จาก 14,000 ตารางฟุต เป็น 21,000 ตารางฟุต นอกจากนี้ ภายในปี 2013 จะทำการย้ายเจ้าหน้าที่ 4,000 คนไปยังที่ทำการใหม่ Tower 3 at Marina Bay Financial Centre บนพื้นที่กว่า 700,000 ตารางฟุต ทำให้ทุกฝ่ายอยู่ภายในอาคารเดียวกัน ช่วยลดต้นทุนดำเนินการ ให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับรายได้สูง สำหรับธนาคาร DBS ในประเทศอื่นๆ ได้แก่ ไต้หวัน (Taipei Hub at Nei Hu Technology Park) ฮ่องกง (One Island East in Quarry Bay and the Millennium City 6 at Kwun Tong) จีน (Shanghai) ในอนาคตจะจัดตั้งในอินโดนีเซีย และอินเดีย จุดมุ่งหมายการทำรายได้ในช่วง 5 ปีต่อไป คิดเป็นร้อยละ 40 จากสิงคโปร์ ร้อยละ 30 จากเอเชียใต้ และร้อยละ 30 จาก Greater China

2.บริษัท Syngenta (สวิสฯ) เปิด Agricultural Research Centre มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาให้ผลผลิตทางเกษตรเพิ่มขึ้นและมีอุปกรณ์ที่ดีขึ้นในการฉีดฆ่าแมลง รวมถึงดำเนินการค้นคว้าวิจัย ช่วยเกษตรกรพัฒนาประเภทของ ข้าว พริกไทย และพืชอื่นๆ ให้มีความหลากหลาย และให้ได้ปริมาณเพิ่มมากขึ้นประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ดังกล่าวมีห้องทดลอง 2 ห้อง และมีการจ้างงานผู้ชำนาญการ 22 อัตรา

ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

1.โครงการระหว่างสิงคโปร์กับ Sichuan เป็นการจัดตั้ง gateway สำหรับบริษัทสิงคโปร์ให้ขยายธุรกิจไปยังจีนฝั่งตะวันตก โดยได้มี Memoranda of Understanding (MOUs) เพื่อการเริ่มต้นที่จะสร้าง high-tech park ใน Chengdu (เมืองหลวงของ Sichuan) เป็นพื้นฐานให้บริษัทสิงคโปร์ให้ส่งออกสินค้าและการบริการ Singapore-Sichuan High-Tech Innovation Park ตั้งอยู่ใน Chengdu Hi-Tech Zone เป็นตำแหน่งที่ 4 ใน 54 แห่งของ Hi-Tech Zones ในจีนในด้าน comprehensive competitiveness บริษัทสิงคโปร์เข้าร่วม Consortium ได้แก่ Temasek Holdings, Keppel Group, Ascendas และ Sembcorp Industries โดยร่วมมือในกรอบ Singapore-Sichuan Investment Holdings ทำการศึกษาร่วมกับ Chengdu High-Tech Zone Investment Group คาดว่าจะสำเร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2554

2. สิงคโปร์กับรัสเซีย เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 ได้ลงนาม Investment Promotion and Protection Agreement (IPPA) โดยผู้ลงนามฝ่ายสิงคโปร์ คือ Mr. Lee Yi Shyan, Minister of State for Trade & Industry และฝ่ายรัสเซีย คือ Mr. Andrey Slepnev, Deputy Minister for Economic Development ข้อตกลงนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งความสัมพันธ์การค้าทวิภาคีและการลงทุน คลอบคลุมถึง (1) ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ให้ความเสมอภาคแก่นักลงทุนทั้งสองฝ่าย (2) ให้เงินทดแทนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว หากเกิดกรณี (3) ให้มีเสรีในการโอนเงินทุน ผลกำไรและอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเงิน และ (4) หากเกิดปัญหาข้อพิพาท ให้นำกรณีไปยัง International Arbitral Tribunals ทั้งนี้ การค้าระหว่างสิงคโปร์กับรัสเซียได้เติบโตขึ้นจากมูลค่า 1.88 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ในปี 2550 เป็นมูลค่า 4.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ในปี 2552 การลงทุนของสิงคโปร์(Direct Investments Abroad : DIA) ในรัสเซีย ปี 2551 มีมูลค่า 58 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ในขณะที่รัสเซียลงทุนในสิงคโปร์มูลค่า 50 ล้านเหรียญสิงคโปร์

อื่นๆ

1. งาน Singapore Human Capital Summit 2010 (SHCS) ภายใต้ Theme “People Strategies for Asia - Riding the Wave of Recovery & Growth” จัดโดย Ministry of Manpower และ Singapore Workforce Development Agency สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน 2553 ณ Resorts World Sentosa มีผู้ชำนาญการระดับสูงเข้าร่วมบรรยายมากกว่า 50 คน และผู้เข้าชมงานเป็นระดับผู้นำจากนานาชาติ/ภูมิภาคและนักธุรกิจชั้นนำในประเทศต่างๆ รวมกันมากกว่า 650 ราย ซึ่งผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้ระบบการจัดการ HR ที่เด่นดังของบริษัทและหน่วยงานที่ได้รับความสำเร็จ เช่น CapitalLand, Rools-Royce และ Singapore Economic Development Board (EDB) และมีการเปิดตัวการค้นคว้าวิจัยเรื่อง “HR Challenges in Regionalization in Asia” งานนี้ให้ความรู้และประสบการณ์แก่นักธุรกิจชั้นนำของเอเชียโดยเฉพาะเรื่องที่เอเชียมีความเป็นหนึ่งในการพัฒนาบุคคลากรและผู้นำทางธุรกิจ ทั้งนี้ ข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันในงานฯช่วยส่งเสริมระบบการดำเนินธุรกิจของหน่วยงานและบริษัทให้ดีขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวและเพิ่มการขยายตัวในเอเชียให้มีความสามารถในการแข่งขันและได้รับความสำเร็จ

2.ธนาคารสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 50 อันดับแรกปลอดภัยที่สุดของโลก จากการสำรวจของ GLOBAL Finance Magazine ซึ่งธนาคารสิงคโปร์โดยทั่วไป มีระบบที่ดีในการบริหารจัดการและการคิดรายได้หรือเงินหมุนเวียนโดยให้มีอัตราความเสี่ยงน้อยที่สุด รวมทั้งการจัดทำงบดุลแสดงฐานะการเงินของกิจการอย่างเป็นระบบ

3.รายได้ Expat ในสิงคโปร์สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจของ HSBC (Expat Explorer Survey) ครอบคลุม 25 ประเทศ/เมือง ปรากฎว่า ชาวต่างชาติระดับการศึกษาสูงที่พำนักในสิงคโปร์มีรายได้เฉลี่ยมากกว่า 265,000 เหรียญสิงคโปร์/ปี ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 35-54 ปี ทำงานในสาขาการเงิน/การคลัง IT และบริษัทน้ำมัน

กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม 2553

1. ประสานรายละเอียดแก่บริษัทสิงคโปร์จำนวน 4 บริษัท เข้าร่วมแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้า Thailand International Logistics Fair 2010 (7-10 October 2010)

2. ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ นำคณะผู้แทนการค้าสิงคโปร์ 10 ราย เยือนงานแสดงสินค้า Thailand International Logistics Fair 2010 (7-10 October 2010)

3. ประสานการเข้าชมงาน Street Fashion Runway ณ Iluma Shopping Centre ระหว่างวันที่ 13-17 ตุลาคม 2553 ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสมาคมชาวโบ๊เบ๊

4. ประสานรายละเอียดสำหรับสื่อมวลชน Mr. Redzman Bin Rahmar นิตยสาร Square Room เยือนงาน BIG & BIH, Oct. 2010 (16-21 October 2010)

5. ผู้อำนวยการฯ นำคณะผู้แทนการค้า สิงคโปร์รวม 14 ราย โดยแบ่งออกเป็น VVIP จำนวน 1 ราย VIP จำนวน 4 ราย และนักธุรกิจจำนวน 9 ราย เยือนงาน BIG & BIH, Oct. 2010 (16-21 October 2010)

6. ประสานเชิญผู้นำเข้าสิงคโปร์ 2 ราย เยือนงาน Thailand Fashion Expo 2010 ระหว่างวันที่ 20-26 ตุลาคม 2553 ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์

7. ประสานเชิญชวนนักธุรกิจ/ผู้นำเข้า สิงคโปร์เยือนงานแสดงสินค้า Bangkok International Gift Fair and Bangkok International Houseware Fair (19-24 October 2010)

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ