อย่างที่ทราบกันดีว่าอินเดียมีประชากรมากถึงประมาณ 1,200 ล้านคนโดยที่ประชากรวัยหนุ่มสาวถึงวัยทำงาน(อายุระหว่าง 15-40 ปี)มีมากถึงเกือบร้อยละ 50 หรือประมาณ 600 ล้านคนซึ่งประชากรกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง รัฐบาลจึงจำต้องพยายามสร้างงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ปัจจุบันรัฐบาลจะผ่อนปรนกฎระเบียบฯสนับสนุนให้นักลงทุนบริษัทข้ามชาตินำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนอย่างเสรีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้นำแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานกับบริษัทฯได้อย่างเสรี ซึ่งได้สร้างความยุ่งยากให้กับบริษัทฯต่างชาติพอสมควร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในได้ออกระเบียบใหม่เกี่ยวกับแนวปฎิบัติการออกวีซ่าให้กับการจ้างงานของบริษัทต่างชาติ สรุปสาระสำคัญได้ว่า
1. บริษัทฯต้องขออนุญาตว่าจ้างแรงงานต่างชาติเป็นรายโครงการไป โดยแต่ละโครงการต้องมีแรงงานต่างชาติไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในโครงการนั้นๆ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่น้อยกว่า 5 และไม่เกิน 20 คน ยกเว้น ธุรกิจอุตสาหกรรมสาขาพลังงานและเหล็กฯที่อนุญาตให้ว่าจ้างได้ไม่เกิน 40 คน
2. ต้องเป็นแรงงานช่างฝีมือคุณภาพเท่านั้น (ทั้งนี้เพื่อสงวนตลาดแรงงานค่าแรงต่ำไร้ฝีมือไว้รองรับคนวัยหนุ่มสาวถึงวัยทำงานที่ยังว่างงานอยู่)
3. ค่าจ้างแรงงานต่างชาติดังกล่าวต้องเกินกว่า 25,000 เหรียญสหรัฐต่อปีต่อคน
ปัจจุบัน บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานและเหล็กฯต้องนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องจักรกลจากต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องว่าจ้างช่างเทคนิคจากประเทศนั้นๆให้เข้ามาติดตั้ง ตรวจสอบและควบคุมดูแลเครื่องจักรกลต่างๆ แต่ต้องประสบปัญหาระบบขั้นตอนในการขอและต่อวีซ่าประเภทธุรกิจเพื่อเข้ามาทำงานในอินเดีย บริษัทต่างชาติหลายบริษัทฯได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการสั่งซื้อเครื่องจักรกลที่สามารถผลิตได้ในอินเดีย และว่าจ้างวิศกรชาวอินเดียซะเลย....
สคร.นิวเดลี
ที่มา: http://www.depthai.go.th