นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ทูตพาณิชย์กว่า 60ประเทศเชื่อมั่นว่า การส่งออกทั้งปี 2553 ว่า จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 20% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 183,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจากการสอบถามหัวหน้าทูตพาณิชย์ในเบื้องต้นทั้ง 9 ภูมิภาคคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาทิ สหรัฐ 20 % ญี่ปุ่น 18 % ยุโรป 11 % อาเซียน 30 % เอเชียใต้ 25% ตะวันออกกลาง 12 % แอฟริกา 2 — 5 % ฮ่องกง22 -25% เป็นต้น
นางสมจินต์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ กล่าวว่า ทั้งปีไทยจะส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯขยายตัวได้ 20% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนปี 2554 คาดว่าการขยายตัวจะลดลงเหลือเพียง10-15% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แม้ว่าจะมีอัตราว่างงานสูงถึง 12% แต่ผู้บริโภคในสหรัฐฯเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ จึงจับจ่ายใช้กันเกือบเป็นปกติ ประกอบกับ ในเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้จะมีการเลือกตั้งกลางเทอม ทำให้ภาครัฐบาลอย่างพรรคเดโมเครตต้องขึงขังเอาจริงกับนโยบายที่เคยได้ประกาศใช้ไปแล้วให้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาทในปีหน้า ทางสคร.ทุกสำนักงานในสหรัฐฯจะทำงานกับแบบบรูณาการมากขึ้น เพื่อรักษาและกระตุ้นตลาดหลักให้จงรักภักดีต่อสินค้าบริการไทยเช่นเดิม ใน 3 โครงการ คือ 1.จัดโครงการ “แฟชั่น เน็ตเวิร์ค” โดยหารือกับดีไซเนอร์คนไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสหรัฐฯมาจับคู่ธุรกิจกับโรงงานในไทยทีได้รับการคัดเลือกแล้ว เพื่อสร้างแบรนด์เนมไทย โดยผ่านพันธมิตรทางธุรกิขของดีไซเนอร์ไทย 2.การเจาะตลาด กลุ่มฮิสแปนิช หรือผู้มีเชื้อสายสเปน รวมถึงชาวเม็กซิกัน ที่มีอัตราประชากรขยายตัวสูงมาก เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจเพราะนอกจากมีจำนวนประชากรหลายสิบล้านคนอยู่ทั่วสหรัฐฯแล้ว ชาวฮิสแปนิชยังมีรสนิยมบริโภคอาหารรสจัด และเผ็ดร้อนเหมือนคนไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาหารไทยจะได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ ถึงขนาดมีผู้นำเข้าอาหารไทยว่าจ้างผู้ผลิตในไทยผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสชาติฮิสแปนิช สำหรับวางขายในสหรัฐอเมริกาโดยตรง สะท้อนว่าความต้องการอาหารไทย หรือ การประยุกต์นำสินค้าอื่นเข้ามาขายในกลุ่มนี้ ยังเติบโตได้มาก และ 3.โครงการส่งเสริมการขายอาหารไทยในห้างสรรพสินค้าเกาหลี ที่อยู่ในประเทศสหรัฐฯ เพื่อจ้างเซฟมือดี สาธิตการประกอบอาหารไทย เพื่อให้เห็นวิธีการทำ ได้กลิ่น และชิมอาหาร ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จมาก รวมถึงจะกระจายไปยังห้างต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และห้างที่มีสาขาจำนวนมากใน
สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการส่งออก
ที่มา: http://www.depthai.go.th