สรุปภาวะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในตลาดเยอรมนี เดือน ตุลาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 3, 2010 11:05 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การผลิตและยอดการจำหน่าย

จากการที่คนงานส่วนใหญ่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น จำนวนคนว่างงานลดน้อยลงสืบเนื่อง จากเศรษฐกิจของเยอรมนีฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป จึงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเหล่านี้ทำให้สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและรัฐบาลเยอรมันปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปี 2553 นี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.2 และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2 จึงทำให้ปัจจุบันยังคงมีการจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น

2. สถานการณ์การนำเข้า

เยอรมนีนำเข้าสินค้าเครื่องประดับแท้และเทียมเป็นมูลค่าโดยเฉลี่ยปีละ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งนำเข้าที่สำคัญๆ จะประเทศอื่นๆ ในยุโรป ที่มีส่วนแบ่งรวมกันตลาดกว่าร้อยละ 40 ได้แก่ สวิส อัฟริกาใต้ สหรัฐฯ เบลเยี่ยม และออสเตรีย เป็นต้น โดยสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่ คือ กว่าร้อยละ 50 จะเป็นโลหะมีค่า ได้แก่ ทองคำ พลาตินัม และอัญมณีมีค่า เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตในประเทศต่อไป แหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ อัฟริกาใต้ เบลเยี่ยม อังกฤษ เป็นต้น มีส่วนแบ่งตลาดใกล้เคียงกันประมาณร้อยละ 10 สำหรับเครื่องประดับแท้ทำด้วยเงินมีส่วนแบ่งร้อยละ 5 ของการนำเข้า แหล่งนำเข้าสำคัญๆ ได้แก่ ไทย จีน อิตาลี มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 35, 25 และ 5 ตามลำดับ ส่วนเครื่องประดับเทียม มีส่วนแบ่งร้อยละ 4 แหล่งนำเข้าสำคัญๆ ได้แก่ จีน ออสเตรียและฮ่องกง มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 50, 20 และ 3 ตามลำดับ

3. การส่งออกของไทยไปตลาดเยอรมนี

ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2553 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปเยอรมนีเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 162 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนระยะเดียวกันร้อยละ 31.3 สินค้าที่ส่งออกมากอันดับแรกยังคงเป็น เครื่องประดับอัญมณีแท้ทำด้วยเงิน มูลค่า 72.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 45.0 ของการนำเข้าสินค้ารายการนี้จากไทย สินค้าของไทยยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดเยอรมนีสูงสุดร้อยละ 35.9 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ จีน (29%) อินเดีย (6%) และอิตาลี (5%) รองลงมาเป็นเครื่องประดับทำด้วยทองคำ มูลค่า 27.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 9.2 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 16.9 สินค้าของไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 13 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ สวิส (31%) อิตาลี (13%) และตุรกี (7%) ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป มูลค่า 15.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 369.4 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 9.7 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ สวิส (76%) ออสเตรีย (5%) และอัฟริกาใต้ (4%) ไทย (0.5%) เครื่องประดับอัญมณีเทียม มีการนำเข้ามูลค่า 7.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.5 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.4 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ จีน (55%) ออสเตรีย (18%) และฮ่องกง (4%) ไทย (3%)

ปัญหาอุปสรรค

1. ขาดแคลนวัตถุดิบ

2. ขาดเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตเครื่องประดับ

3. ขาดบุคลากรด้านฝีมือแรงงานด้านการออกแบบและการผลิตสินค้าระดับสูง

4. การสร้างและพัฒนาตราสินค้ามีน้อย

กลยุทธ์

1. พัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญระดับโลก

2. จัดหาวัตถุดิบจากต่างประเทศในปริมาณที่เพียงพอ

3. พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเครื่องประดับ

5. พัฒนาบุคลากรห้มีความสามารถในการผลิต ออกแบบ สินค้าที่เหมาะสมกับตลาด

6. สร้างภาพลักษณ์ของสินค้าในด้านผู้นำแฟชั่น สินค้าที่เอกลักษณ์ ควบคู่ไปกับศักยภาพทางการค้า/ส่งออก

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ