การค้าระหว่างประเทศของฟิลิปปินส์ เดือนมิถุนายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 3, 2010 11:13 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 เปรียบเทียบกับปี 2552

มูลค่า : พันล้านเหรียญสหรัฐ

                  ม.ค.-มิ.ย.53     ม.ค.—มิ.ย.52      % Change
   การค้ารวม          49.895          37.603         32.69
   การส่งออก           23.71          17.224         37.65
   การนำเข้า          26.185          20.379         28.49
   ดุลการค้า           -2.475          -3.155        -21.55

1.1 ปริมาณการค้า ปริมาณการค้ารวมเดือน มกราคม - มิถุนายน 2553 มีมูลค่า 49.895 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.69 จาก 37.603 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 23.710 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ นำเข้า 26.185 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเดือนมิถุนายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 8.710 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.95 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 ส่วนมูลค่าส่งออกและนำเข้าเดือนมิถุนายน 2553 เท่ากับ 4.545 และ 4.165 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

1.2 การส่งออก ในช่วงเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 ฟิลิปปินส์ส่งออกมูลค่า 23.710 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.65 จาก 17.224 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552

สินค้าส่งออกที่สำคัญของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการส่งออกรวม 14.172 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59.7 ของมูลค่าส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจาก 9.758 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งออกได้ในระยะเดียวกันของปี 2552 คิดเป็นร้อยละ 45.23 สำหรับการส่งออกในเดือนมิถุนายนนี้มีมูลค่าการส่งออก 4.545 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาร้อยละ 33.4 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน โดยที่สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักมีมูลค่าส่งออก 2,904.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาร้อยละ 49.1 เนื่องจากตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ลำดับที่สองได้แก่เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีมูลค่าส่งออก 152.3 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 ส่วนลำดับต่อมาได้แก่น้ำมันมะพร้าวซึ่งมีมูลค่าส่งออก 95.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาร้อยละ 56.7 ตั้งแต่มกราคม — มิถุนายน 2553 ตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์กลับมาเป็นสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 16.39 ส่วนญี่ปุ่นเลื่อนลงมาเป็นลำดับที่สอง มีสัดส่วนร้อยละ 15.95 ลำดับต่อมาได้แก่ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง มีสัดส่วนร้อยละ 10.62, 9.42 และ 8.33 ตามลำดับ

1.3 การนำเข้า ในช่วงเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 การนำเข้าของฟิลิปปินส์มีมูลค่า 26.185 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.49 จาก 20.379 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สินค้านำเข้าอันดับหนึ่งคือ สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 8.765 พันล้านเหรียญสหรัฐ (มีสัดส่วนร้อยละ 33.4 ของการนำเข้ารวม) นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.46 จากปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 7.099 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลำดับที่สองได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 4.709 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.89 จาก 3.295 พันล้านเหรียญสหรัฐของเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ส่วนเดือนมิถุนายนนี้มีการนำเข้า 4.165 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเล็กน้อยเพียงร้อยละ 1.4 โดยนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 ที่สำคัญได้แก่ อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมและไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 ลำดับต่อมาได้แก่ อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้าลดลงร้อยละ 16.4 เพราะราคาลดลง สำหรับสินค้าข้าวแม้ว่าเดือนนี้นำเข้า 146.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาร้อยละ 31.4 แต่มูลค่านำเข้ารวมตั้งแต่เดือนมกราคม — มิถุนายนปีนี้ มีมูลค่าถึง 1,279.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 49.6

1.4 ดุลการค้า

ตั้งแต่มกราคม — มิถุนายน 2553 ฟิลิปปินส์มีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกทำให้มีการขาดดุล 2.475 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งขาดดุล 3.155 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 21.55

1.5. ประเทศคู่ค้าสำคัญของฟิลิปปินส์

คู่ค้าที่สำคัญของฟิลิปปินส์ในเดือนนี้ ลำดับแรกยังคงเป็นญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.98 ส่วนสหรัฐอเมริกาเลื่อนลงมาเป็นอันดับสองมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.47 ส่วนอันดับที่3, 4และ5 ได้แก่ สิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 10.41, 8.62 และ 5.95 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยคงอยู่ในลำดับที่ 7 เช่นเดียวกับเดือนที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.41

2. การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ

ม.ค.— มิ.ย. 53 ม.ค.- มิ.ย.52 % Change

การค้ารวม                              3,578.00       1,973.60    81.29
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์                      2,453.60       1,292.90    89.77
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์                     1,124.40          680.7    65.17
ดุลการค้า                               1,329.20          612.2    117.12

2.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2553 มีมูลค่า 3,578 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.29 จาก 1,973.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 2,453.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 1,124.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในเดือนมิถุนายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 695.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.66 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 ส่วนการส่งออกและนำเข้าเดือนนี้มีมูลค่า 488.2 และ 207.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

2.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 ไทยส่งสินค้าออกไปฟิลิปปินส์เป็นมูลค่า 2,453.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 89.77 จาก 1,292.9 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าไทยส่งไปฟิลิปปินส์กับมูลค่าที่ฟิลิปปินส์นำเข้าจากทุกประเทศ คิดเป็นร้อยละ 9.37

สินค้าไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ที่สำคัญได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 509.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 20.7 ของมูลค่าการส่งออกรวมจากไทยไปฟิลิปปินส์) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 101.93 ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ลำดับที่สองคือน้ำมันสำเร็จรูป มีมูลค่าส่งออก 243.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 9.9 ของมูลค่าการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 319.87 สินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ ข้าวมีมูลค่าส่งออก 229.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 9.3 ของมูลค่าการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 861.88 เนื่องจากผู้ส่งออกไทยสามารถประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังส่งออกน้ำตาลได้เพิ่มขึ้น จาก 24.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 100.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 307.82 ทั้งนี้เพราะฟิลิปปินส์ประสบภาวะแห้งแล้ง ผลิตน้ำตาลได้ไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภค

2.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 1,124.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.17 จากระยะเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนำเข้ามูลค่า 680.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าสินค้าที่ฟิลิปปินส์ส่งมายังไทยคิดเป็นร้อยละ 4.74 ของมูลค่าส่งออกรวมของฟิลิปปินส์

สินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ที่สำคัญอันดับแรกคือ แผงวงจรไฟฟ้ามีมูลค่า 197.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 17.6 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 122.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 62.12 ลำดับที่สองได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ นำเข้าเป็นมูลค่า 177.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 15.7 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 81.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 116.82

2.4 ดุลการค้า

เนื่องจากไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์มากกว่านำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนมกราคม — มิถุนายน 2553 ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นมูลค่า 1,329.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 612.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 117.12

3. การคาดการณ์ภาวะการค้า

รัฐบาลฟิลิปปินส์คาดว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 7.9 ลดลงมาที่ประมาณร้อยละ 5 - 6 มีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีร้อยละ 3.5 - 5.5 ประมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมได้มีการปรับกลยุทธ์การส่งเสริมการส่งออกโดยการลดเงินอุดหนุนสำหรับการจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ จากที่กำหนดไว้ปีละ 20 งานเหลือเพียง 3-5 งาน โดยจะเน้นไปที่สินค้าที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง และจะเพิ่มเงินสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ นอกจากนี้จะเน้นการนำคณะผู้แทนการค้าเข้ามาในประเทศมากกว่าการนำคณะผู้แทนการค้าออกไปต่างประเทศ ส่วนผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่นต่อการผลิตสินค้าเกษตรต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นปีหน้าอาจจะมีการนำเข้าสินค้าเกษตรเช่นข้าวน้อยกว่าปีนี้ สำหรับการส่งออกของไทยไปฟิลิปปินส์ยังคงเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 89.77 สินค้าไทยที่ยังมีศักยภาพในการส่งออกไปฟิลิปปินส์เป็นอันดับหนึ่งได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 101.93 ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะยังมีความต้องการซื้อเพื่อชดเชยรถยนต์ที่เสียหายจากพายุใต้ฝุ่น สินค้าอื่นที่มีศักยภาพรองลงมา ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และแผงวงจรไฟฟ้า

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ