ภาพรวมทั่วไป
- ผลจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่(CEPA) ทำให้สินค้าผลิตในฮ่องกง ซึ่งรวมสินค้าเครื่องสำอางค์และประทินโฉม ที่ส่งออกไปจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รับยกเว้นภาษีศุลกากรตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006
- ผู้ประกอบการฮ่องกงในอุตสาหกรรมนี้ ประกอบด้วยผู้ประกอบการที่มีโรงงานของตนเอง ซึ่งโรงงานผลิตเครื่องสำอาค์และประทินโฉมในฮ่องกงล้วนเป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตสินค้าราคาไม่สูง และมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ในขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะทำธุรกิจในลักษณะเป็นตัวแทน(Distributor) เพื่อจำหน่ายไปยังตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ในช่วง 2- 3 ปีที่ผ่านมา สถานเสริมความงามและสปาที่มีชื่อในฮ่องกง ได้เริ่มส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ของตน หรือเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกไปประเทศแถบเอเซียด้วย
- สินค้าแบรนด์ต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในตลาด ระดับราคาปานกลางถึงสูง ทำให้ผู้ผลิตฮ่องกงต้องหันไปผลิตสินค้าเน้นตลาดระดับกลางถึงล่าง
- เครื่องสำอางค์และประทินโฉมแบรนด์ต่างชาติ อาทิ Sulwhasoo, Kiehl’s and L’occitane ได้หันมาให้ความสำคัญกับตลาดสุภาพบุรุษเพิ่มมากขึ้น
- จำนวนตัวเลขของนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เดินทางมายังฮ่องกง และการทะยานขึ้นของยอดขายสินค้าเครื่องสำอางค์และประทินโฉมในฮ่องกง ทำให้ฮ่องกงถูกจับตามองสำหรับสินค้านี้ ฮ่องกงเปรียบเสมือนตู้โชว์ให้กับ Brand name ต่างประเทศที่มุ่งหวังลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ ดังจะเห็นได้จากแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดตลาดในฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ประกอบการฮ่องกงนอกจากจะมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้สามารถผลักดันสินค้าเครื่องสำอางค์เข้าไปขายผ่านช่องต่างๆ อาทิ ร้านเสริมสวยในจีนได้ ผู้ประกอบการฮ่องกงจะเป็นหุ้นส่วนที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ สำหรับการผลักดันสินค้าที่เข้าสู่ตลาดจีน เนื่องจากขั้นตอนการเข้าตลาดจีน ที่จะต้องเปิดเผยข้อมูล สูตรต่างๆ
- ผลิตภัณฑ์ Whitening และ anti-ageing ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่สตรีเอเซีย ในขณะที่ผลิตภัณฑ์สำหรับบุรุษ เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์โลชั่นหลังโกนหนวด ยาดับกลิ่นตัว และผลิตภัณฑ์สำหรับผมก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าเครื่องสำอางค์และประทินโฉม ร้อยละ 98 เป็นการส่งออกผ่านฮ่องกง (Re-export) เพื่อไปสู่ตลาด มาเก๊า(19.7%) จีนแผ่นดินใหญ่(19.6%) สหรัฐฯ (15.3%) และญี่ปุ่น (11.2%) และประเทศในกลุ่มอาเซียน
สินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่ผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ เครื่องสำอางค์(ครีมกันแดด ยาทาเล็บ) เกลือหอมอาบน้ำและครีมบำรุงผม ดำเนินการส่งออกโดยบริษัท Trading ฮ่องกงที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับโรงงาน
ในขณะที่สินค้านำเข้าจาก สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เพื่อส่งออกไปยังจีนแผ่นดินใหญ่โดยผ่านตัวแทนในฮ่องกง จะเป็นสินค้าแบรนด์จากต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว น้ำหอม และโคโลญ ครีมบำรุงเส้นผม
ช่องทางการกระจายสินค้า
- ผู้ประกอบการฮ่องกงในอุตสาหกรรมนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นตัวแทนเครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างชาติ ที่มีเป้าหมายขายสินค้าเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากมีประสบการณ์ และความรู้ในกฏระเบียบของประเทศเหล่านี้เป็นอย่างดี ผู้ประกอบการฮ่องกงจะดำเนินการเสมือนเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ดังๆ ที่ดูแลภาพรวมของภาพลักษณ์สินค้า และวางแผนการตลาดต่างๆ เช่น บริษัทฮ่องกงเป็นตัวแทนเครื่องสำอางค์อังกฤษแบรนด์ “Country House” ในตลาดจีนเป็นต้น
- โรงงานเครื่องสำอางและประทินโฉมของฮ่องกง ส่วนใหญ่ผลิตสินค้าสำหรับตลาดกลางถึงล่าง แล้วส่งออกไปตลาดอาเซียน และสหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง แบรนด์ของบริษัท บริษัทผู้ผลิตฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จในในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ Cogi และ Cheng Ming Ming
- ผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างประเทศ สำหรับตลาดระดับกลางถึงบน จะอาศัยเคาน์เตอร์สินค้า ในห้างสรรพสินค้า หรือมีร้านค้าย่อยของตนเองในศูนย์การค้า ส่วนสินค้า Professional จะขายผ่านร้านเสริมสวย นอกจากนี้ ร้านขายเครื่องสำอางค์โดยเฉพาะกำลังเป็นที่นิยมในฮ่องกง เช่น SA SA, Bonjour, Aster และ Angel ร้านเหล่านี้จะขายแบรนด์ต่างประเทศ ที่ให้ส่วนลดพิเศษ รวมทั้งมีแบรนด์ตนเองด้วย ร้านค้าย่อย เช่น Watson และ Mannings ได้หันมาขายเครื่องสำอางมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นการขายเครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างประเทศ ในขณะเดียวกันที่แบรนด์ต่างประเทศหลายแบรนด์ได้ใช้การขายสินค้าออนไลน์เพื่อขยายตลาดให้มากขึ้น
- ฮ่องกงจัดงานแสดงสินค้าสุขภาพและความงามที่สำคัญ ได้แก่ งาน Cosmoprof Asia และ Beauty and Fitness Expo เพื่อเป็นเวทีในการพบผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพและแสวงหาโอกาสของตลาดใหม่ ๆ
แนวโน้มอุตสาหกรรม
- เนื่องจากต้นทุนการผลิตในฮ่องกงสูง ทำให้โรงงานจำนวนมากย้ายไปผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่ และอาเซียน เช่น ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
- ตลาดเครื่องสำอางค์ระดับบนของโลกถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น P & G, Unilever, Shiseido, L’Oreal and Estee Lauder บริหารจนแบรนด์เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติเป็นเวลานานแล้ว จึงยากสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ จะเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดนี้ได้
- ผู้ผลิตสินค้านี้เป็น OEM มีไม่มากนัก เนื่องจากการเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพ สูตรความลับของผลิตภัณฑ์ บริษัทผู้ผลิตจึงมักส่งออกสินค้าสำเร็จรูปตรงไปยังตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศ
- บริษัทผู้ผลิตบางรายมีการว่าจ้างนายแบบชั้นนำ หรือแบรนด์แฟชั่นระดับโลก เพื่อโปรโมทน้ำหอมหรือเครื่องสำอางค์ของตน
- แบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเสียง เช่น Anna Sui, Burberry, Calvin Klein, Christian Dior และ YSL ได้ขยายสินค้าไปสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์มากขึ้น
- ผู้ประกอบการฮ่องกงมีแนวโน้มจะขยายตลาดไปยังจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดเครื่องสำอางและประทินโฉมของจีนมีมหาศาล โดยเฉพาะสำหรับสินค้าแบรนด์สำหรับตลาดกลางถึงสูง ตลาดเครื่องสำอางในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นตลาดที่เน้นแบรนด์สินค้า
การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน( CEPA)
ผลจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่(CEPA) ทำให้สินค้าที่เข้าออกระหว่างฮ่องกงและจีน และมีคุณสมบัติตาม Rule of Origin ที่ตกลงกันไม่ต้องเสียภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2006 โดยทั่วไปสำหรับสินค้าเครื่องสำอางค์และประทินผิว การ Mix, Heating, Blending จำเป็นต้องทำในฮ่องกงถึงถือว่าผลิตในฮ่องกง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศแหล่งกำเนิด หลักเกณฑ์ของ CEPA สามารถเข้าดู ในเว็ปไซค์ที่ http://www.tid.gov.hk/english/cepa/tradegoods/files/mainland_2010.pdf
มาตรการทางการค้าที่มีผลกระทบต่อการส่งออก
- อัตราภาษีนำเข้าของจีนแผ่นดินใหญ่สูงกว่าตลาดอื่น ๆ การควบคุมการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้า และการควบคุมคุณภาพ เป็นอุปสรรคสำคัญในการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างประเทศของจีน แม้ว่า ภายใต้ข้อผูกพันองค์การการค้าโลก ทำให้จีนต้องลด ภาษีนำเข้าเครื่องสำอางและประทินโฉมลดลงเป็น 6.5% -10% ในปี 2008 ก็ตาม
- ประเด็นด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นหลักที่ตลาดหลักหลายประเทศหยิบยกขึ้นพิจารณา
- สหรัฐอเมริกา FDA เป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลความปลอดภัยของสินค้าเครื่องสำอางค์นำเข้า ภายใต้กฏหมาย Food, Drug and Cosmetic(FD & C) Act และ the Fair Packaging and Labelling (FP&l) Act
- สหภาพยุโรป ระบุว่าเครื่องสำอางค์ที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปจะต้องไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เมื่อใช้ตามปกติ ตามที่ระบุไว้ รวมทั้งมีการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับ ฉลาก หีบห่อ ด้วย
- ญี่ปุ่น ตามกฏหมาย Pharmaceutical Law (PAL) ระบุให้การขายเครื่องสำอางค์จากต่างประเทศ จะต้อง
o มีการตั้งบริษัทตัวแทนในญี่ปุ่น (Marketing Authorisation Holder(MAH)
o กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันการวิงเวียน bad breath กำจัดกลิ่น, heat rash, sores, hair loss(growth /remove) ถือเป็นยา Quasi-drugsในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อทำความสะอาด หรือประทินความงาม ถือเป็นเครื่องสำอางค์
o ข้อความที่ระบุบนฉลากต้องเป็นข้อมูลที่เป็นจริงไม่อวดอ้าง
- จีนแผ่นดินใหญ่ เงื่อนไขการขอใบอนุญาต การตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ การคุ้มครองผู้บริโภค ที่เพิ่งประกาศใช้บังคับเมื่อ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.sda.gov.cn/ws01/CL0055/45942.html
แนวโน้มสินค้า
- เครื่องสำอางค์มีวงจรอายุที่สั้นกว่าสินค้าบริโภคอื่นๆ ในตลาดที่พัฒนาแล้วเฉลี่ยอายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์(Shelf Life) อาจประมาณ 1 เดือน เนื่องจากต้องเปลี่ยนแปลงตามเฉดสีของแฟชั่น
- โทนเฉดและสี จะได้รับอิทธิพลจากแนวโน้มแฟชั่น รสนิยมและฤดูกาล ส่วนใหญ่ถูกกำหนดมาจากงานแสดงสินค้าในยุโรป กระจายสู่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเอเชีย เป็นลำดับ โดยมีนิตยสาร Trendsetter เป็นตัวเชื่อม
- ประชากรสูงอายุจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Cosmeceutical ที่รวมทั้งเครื่องสำอางค์ วิตามิน สมุนไพร และยาไว้ด้วยกัน มากกว่าที่จะเลือกซื้อสินค้าเพื่อใช้แต่งสวยงามอย่างเดียว
- ผลิตภัณฑ์ Multi Functional Product จะเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากคุ้มค่าเงิน เช่น เครื่องสำอางที่มี ceramide วิตามินรวมทั้งการป้องกันรังสียูวี ไว้ในขวดเดียวกัน
- ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งจะเป็นที่นิยมในผู้บริโภคแถบเอเชีย ในขณะที่ผู้บริโภคตะวันตก ต้องการให้มีผิวสีบรอนซ์ จึงเลือกสินค้าที่มีTanning Lotion
- ผลิตภัณฑ์ที่เดิมใช้ในร้านเสริมสวย (Professional Products) จะถูกซื้อมาใช้ที่บ้านมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลดกระชับสัดส่วน เป็นต้น
- ผลิตภัณฑ์ถนอมผิวสำหรับบุรุษจะขยายตัวมากขึ้น
*ข้อมูลอ้างอิง : Hong Kong Trade Development Council
สคร.ฮ่องกง
Office of Thai Trade Commissioner
Royal Thai Consulate-General
8/Fl., Fairmont House, 8 Cotton Tree Drive,
Central, Hong Kong.
Tel 852-25259716
Email: thaicomm@netvigator.com
ที่มา: http://www.depthai.go.th