เศรษฐกิจของไต้หวันมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับอาหารสุขภาพกันมากขึ้น โดยในปี 2557 มูลค่าตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์อินทรีย์ในไต้หวันจะเพิ่มเป็น 1,237.9 ล้านเหรียญไต้หวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 62.1 ปัจจุบันชาวไต้หวันมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 17,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ชาวไต้หวันจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และแนวคิดในการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้สินค้าที่มี Value-added ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าประเภท Organic Food ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
นางนันทวัลน์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า ผู้บริโภคในประเทศไต้หวันให้ความสำคัญต่กการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ในกลุ่มตลาดบนเท่านั้นตลาดระดับกลางเองก็เริ่มหันมาบริโภคข้าวอินทรีย์กันมากขึ้น รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยมูลค่าตลาดในปี 2552 ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์ที่ไม่รวมผักสดและผลไม้สดมีมูลค่ารวมกว่า 763.8 ล้านเหรียญไต้หวัน มีส่วนแบ่งทางตลาดสูงถึงร้อยละ 74.55 และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.33
“เศรษฐกิจของไต้หวันมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับอาหารสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งทาง Euromonitor Int’l คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2557 มูลค่าตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์อินทรีย์ในไต้หวันจะเพิ่มเป็น 1,237.9 ล้านเหรียญไต้หวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 62.1 โดยสินค้าข้าวอินทรีย์ยังคงเป็นอันดับหนึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 870.5 ล้านเหรียญไต้หวันเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึงร้อยละ 52.9” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม
อย่าไรก็ตาม ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ซึ่งมีความได้เปรียบในการที่จะส่งข้าวอินทรีย์มายังไต้หวัน แต่เนื่องจากปัจจุบันสินค้าอินทรีย์ของไทยยังไม่สามารถส่งออกมายังไต้หวันได้เนื่องจากติดปัญหาการรับรองตราสินค้าอินทรีย์ ซึ่งตราของหน่วยงานไทยยังไม่ผ่านการรับรองจากน่วยงานไต้หวัน โดยทางไต้หวันแจ้งว่าหากหน่วยงานไทยประสงค์ที่จะขอให้ไต้หวันรับรองมาตราฐานสินค้าอินทรีย์ ก็สามารถที่จะยื่นขอรับรองได้ตลอดเวลา
ที่มา: http://www.depthai.go.th