รายงานภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซเดือนตุลาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 12, 2010 11:39 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซในเดือนตุลาคม 2553 ค่อนข้างหดตัวอันเนื่องมาจากผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินของกรีซที่ยังคงอยู่และผลจากมาตรการเคร่งครัดด้านรายจ่าย และการเพิ่มการจัดเก็บภาษีมากขึ้น ทั้งนี้ในปี 2552 ร้านค้าต่างๆในเมืองพีราอุสต่างปิดตัวลงเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าจากปีก่อนหน้า และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยสมาคมผู้ค้าแห่งพีราอุส ( The Piraeus Trademar Associations ) ได้เปิดเผยว่า ณ เดือนกันยายน 2552 มีร้านค้าปิดกิจการ จำนวน 56 ราย เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 87 ราย ณ เดือนมิถุนายน 2553 จำนวน 136 ราย ณ เดือน กรกฎาคม 2553 และล่าสุด ณ เดือน ตุลาคม 2553 เพิ่มขึ้นเกินกว่า 170 ราย นอกจากนี้ผลการสำรวจของบริษัท ICAP พบว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 มีจำนวนผู้ประกอบการทั่วประเทศที่ล้มละลายถึง 200 ราย และมากกว่า 1,000 ราย ที่ต้องพยายามป้องกันมิให้ล้มละลายโดยการหาแหล่งเงินกู้ยืม

2. รมต.คลังกรีซ นาย Yiorgos Papakonstantinou เปิดเผยว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกรีซในปี 2553 จะหดตัวลง เหลือ -4.0% และคาดว่าในปี 2554 จะหดตัวลงราว -2.5 ถึง -3% โดยเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวเป็นบวกได้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ปัญหาสำคัญที่ทาให้เศรษฐกิจกรีซต้องเกิดวิกฤตที่ผ่านมา คือปัญหาด้านโครงสร้างที่สะสมมานาน เช่น การใช้จ่ายเกินตัวของภาครัฐ ความสามารถในการแข่งขันที่ต่ำ ระบบข้าราชการและการคอรัปชั่น เป็นต้น ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกมาตรการต่างๆ เพื่อหารายได้ใช้หนี้ 110 พันล้านยูโร คืนให้แก่ EU และ IMF ได้แก่ การลดเงินเดือนข้าราชการ 15% การลดเงินบำนาญทั้งภาครัฐและเอกชน 10% และการเพิ่มภาษี vat จากเดิมขึ้นอีก 4%

นอกจากนี้ ผู้ช่วย รมต.คลัง (นาย Dimitris Kousclas) ยังได้กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลจะยังคงพยายามต่อไปในการกำจัดความไม่โปร่งใส พื้นที่สีเทา การคอรัปชั่น การดำเนินการที่ผิดกฎหมายต่างๆ และธุรกิจเงินมืดให้หมดไปจากประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจในกรีซเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบการแห่งเฮเลนิก (President of the Federation of Hellenic Enter prises) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลดการเก็บภาษี และมีกระบวนการเร่งด่วน(fast track procedure) ให้แก่นักลงทุน รวมทั้งยังเร่งเร้าให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเพื่อต่อสู้กับปัญหาการว่างงานโดยให้มีการประเมินผลประโยชน์ต่างๆ และการสนับสนุนให้แก่ผู้ว่างงาน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร โดยกำหนดหลักสูตรสำหรับคนว่างงานหนุ่มสาวอายุไม่เกิน 24 ปี (ซึ่งเป็นกลุ่มที่ว่างงานสูง) การลดการเก็บภาษี การต่อสู้การหลบเลี่ยงภาษี การลดค่าใช้จ่ายที่เกินตัวของภาครัฐ และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้กับกิจกรรมทางธุรกิจที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่นักลงทุนทุกรายไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนต่างประเทศเท่านั้น

4. รัฐบาลกรีซมีความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้รับบำนาญและข้าราชการว่าจะไม่ ถูกลดเงินเดือนในปี 2553 นี้ ตามที่ได้เคยออกประกาศมาตรการเข้มงวดด้านรายจ่าย โดยรัฐบาลได้จัดทำโครงการช่วยเหลือโดยการให้เงินโบนัสแก่ผู้รับบานาญที่มีรายได้น้อยในช่วงหลังคริสต์มาสปี 2553 รวมทั้งการให้บริการด้านการรักษาและยารักษาโรคฟรีแก่ผู้ว่างงาน ทั้งนี้รัฐบาลกรีซหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยลดระดับความไม่พอใจภาคสังคมที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีข่าวว่า EU มีแนวคิดที่จะออกมาตรการเพื่อให้ประเทศสมาชิกที่ไม่สามารถรักษาระดับการขาดดุลและหนี้สาธารณะได้ตามระดับที่กาหนด โดยกำหนดให้ประเทศที่มีหนี้สาธารณะเกินกว่า 60% ของ GDP ต้องลดหนี้ให้ได้ปีละ 5% จนกว่าจะถึงระดับที่กำหนด ทั้งนี้คาดว่ากรีซจะมีหนี้สาธารณะ 144% ของ GDP ในปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่ความตกลงในการกู้เงินฉุกเฉินที่กรีซทำกับ EU และ IMF หมดอายุลง

ผู้ที่จะได้รับมาตรการช่วยเหลือโดยการให้โบนัสดังกล่าว จะเป็นผู้รับบำนาญที่มีรายได้น้อยจำนวนประมาณ 500,000 คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะได้รับโบนัสระหว่าง 100-300 ยูโร ในปลายเดือน ธันวาคม 2553 และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมีมูลค่าราว 100 ล้านยูโร โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • คนโสดรายได้ต่อปีไม่เกิน 7,000 ยูโร และครอบครัวที่มีรายได้ไม่เกิน 12,000 ยูโร จะได้รับเงินโบนัส 300 ยูโร
  • ผู้รับบำนาญที่มีรายได้ต่อปีระหว่าง 7,000-8,500 ยูโร และครอบครัวที่มีรายได้ไม่เกิน 14,500 ยูโร จะได้รับ 200 ยูโร
  • ผู้รับบำนาญที่มีรายได้ต่อปีระหว่าง 8,500 — 10,000 ยูโร หรือครอบครัวที่มีรายได้ 16,500 ยูโร จะได้รับโบนัส 100 ยูโร

อย่างไรก็ดี สมาพันธ์นายจ้างแห่งชาติกรีซ (The General Confederation of Employees of Greece- GSEE) เห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่สามารถชดเชยได้กับผลกระทบที่เกิดจากการที่รัฐบาลออกมาตรการเคร่งครัดด้านงบประมาณรายจ่ายโดยการตัดลดเงินโบนัสเดือนที่ 13 และเดือนที่ 14 ของลูกจ้างลง

5. รัฐบาลกรีซอยู่ระหว่างการโปรโมทโครงการเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จานวน 4 โครงการ งบประมาณ 107 ล้านยูโร และมีแผนที่จะออกโครงการอีกกว่า 50 โครงการ มูลค่า 134 ล้านยูโร โดย 2 โครงการแรก ได้แก่ โครงการ Green Tourism (งบประมาณ 30 ล้านยูโร) และโครงการ Alternative Tourism (งบประมาณ 28 ล้านยูโร) อยู่ระหว่างดำเนินการ และอีก 2 โครงการ คือ โครงการ Modernize in Tourism (งบประมาณ 27 ล้านยูโร) และโครงการ Cooperation-Innovation in Tourism (งบประมาณ 22 ล้านยูโร) จะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2554

ทั้งนี้รัฐบาลกรีซอยู่ระหว่างการประเมินโครงการทั้ง 50 โครงการมูลค่า 134 ล้านยูโร เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในหลายๆ พื้นที่ของประเทศซึ่งโครงการดังกล่าวมิใช่กระตุ้นภาวะการท่องเที่ยวแต่ยังรวมถึงการสร้างงานด้วย

6. รัฐบาลกรีซโดยนายกรัฐมนตรี (นาย George Papandreou) ได้กล่าวย้ำถึงนโยบายรัฐบาลที่มี แผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green infrastructure investment) มูลค่า 45 พันล้านยูโร ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 โดยกล่าวว่าวิกฤตเศรษฐกิจกรีซในปีที่ผ่านมาไม่ควรถือเป็นอุปสรรคทางเศรษฐกิจ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญและพยายามให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ผ่านการเจริญเติบโตด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยประเทศกรีซเองมีแหล่งพลังงานทดแทนและนำกลับมาใช้ใหม่ที่ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ การร่นระยะเวลาการออกใบอนุญาตสำหรับการลงทุน และสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดพลังงานซึ่งจะต้องเกิดจากความร่วมมือทั้วภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ในปี 2553 การลงทุนเกี่ยวกับพลังงานทดแทนและนำกลับมาใช้ใหม่ในกรีซ มีมูลค่า 400 ล้านยูโร และคาดว่าในปี 2554 จะมีมูลค่าถึง 1.2 พันล้านยูโร

7. รมว. กระทรวงการคลังกรีซเปิดเผยว่า กรีซจะสามารถลดการขาดดุลงบประมาณในปี 2554ได้ตามเป้าหมายคือ 7.6% ของ GPD ( 17 พันล้านยูโร) เพื่อปฏิบัติให้ได้ตามที่ตกลงไว้กับ EU/IMF ในการกู้เงิน 110 พันล้านยูโร โดยในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม - กันยายน) ของปี 2553 กรีซมีการขาดดุลงบประมาณ 16.2 พันล้านยูโร ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดดุล 23.5 พันล้านยูโร หรือลดลง 30.9% (ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 2553 เท่ากับ -36.9%)

ด้านการจัดเก็บงบประมาณรายได้เพิ่มขึ้น +3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ( แต่ต่ำกว่าเป้าหมายปี 53 ที่ตั้งไว้ +8.7% ) ซึ่งเป็นผลจากรายได้จากการเก็บภาษี VAT ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ( เพิ่มขึ้น 16.9% ในเดือน กย. 53 ) การใช้จ่ายในโครงการลงทุนภาครัฐ ลดลง 30.3% ในขณะที่รายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น 3.3% และการใช้จ่ายงบประมาณลดลง 7.1%

ณ เดือนกันยายน 2553 กรีซได้มีการกู้ยืมไปแล้ว 70 พันล้านยูโร ( สถาบันบริหารหนี้สาธารณะ — PDMA ได้ประมาณการความต้องการกู้ยืมหนี้สาธารณะของกรีซในปี 2553 ว่าจะไม่เกิน 53.5 พันล้านยูโร)

8. สำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซได้เปิดเผยว่าดุลการค้าของกรีซในเดือนสิงหาคม 2553 ลดลงถึง 51.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และในช่วง 8 เดือน (มกราคม - สิงหาคม) ของปี 2553 กรีซขาดดุลการค้า 13,628 ล้านยูโร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดดุลการค้า 20,276 ล้านยูโร หรือลดลง 32.8%

การส่งออก ในช่วง 8 เดือน (มกราคม - สิงหาคม) ของปี 2553 กรีซส่งออกมูลค่า 10,013 ล้าน ยูโร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งส่งออกมูลค่า 9,685 ล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้น 3.4% (ไม่รวมสินค้าน้ามันซึ่งส่งออก 346.2 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 3.9%) โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคม 2553 กรีซส่งออกมูลค่า 1,202 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 21.11% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน

การนำเข้า ในช่วง 8 เดือน (มกราคม - สิงหาคม) ของปี 2553 กรีซนำเข้ามูลค่า 23,641 ล้านยูโร ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งนำเข้ามูลค่า 29,960 ล้านยูโร หรือลดลง 21.1% (ลดลง 9.9 % )

9. เมื่อ 12 ตุลาคม 2553 รมว. คลังของกรีซ (นาย Yiorgos Papakonstantinou) ได้เสนอร่างงบประมาณของปี 2554 ต่อสภา โดยกล่าวว่า นโยบายที่จะต้องทำให้การขาดดุลลดลงเหลือ 9.9% และต้องไม่เกิน 14% ของ GPD นั้นไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายที่จำเป็นแต่ยังเป็นใบเบิกทางเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการดำเนินการนโยบายของรัฐบาลในปี 2553 และคาดว่าในปี 2553 รัฐบาลจะสามารถลดการขาดดุลงบประมาณจาก 32.7 พันล้านยูโร ให้เหลือเพียง 18.5 พันล้านยูโร (7% ของ GPD)

10. ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกรีซ (นาย Yiorgos Provopoulos ) ได้กล่าวต่อสภาว่า เศรษฐกิจกรีซมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยในรายงานด้านนโยบายการเงินได้เน้นย้ำถึงเงื่อนไขเบื้องต้นคือ ความสามารถที่เพียงพอและประสิทธิภาพของกลไกการบริหารจัดการภาครัฐที่เป็นผู้ปฏิบัติและได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเพื่อการปฏิรูปอย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ชักช้า ส่วนเงื่อนไขที่สองคือ การสร้างความมั่นใจที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารแห่งชาติกรีซได้เน้นย้ำความจำเป็นในการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยการตัดลดค่าใช้จ่าย แต่ไม่ควรเพิ่มการเก็บภาษีจากการดำเนินธุรกิจและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกต่อไป และเห็นว่าเพื่อเป็นการเชิญชวนและเสริมสร้างความมั่นใจทางเศรษฐกิจให้แก่ตลาด รัฐบาลกรีซจะต้องขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ทำความตกลงไว้โดยเร็ว ทั้งนี้ธนาคารชาติคาดว่า GDP กรีซในปี 2553 จะหดตัวลง -4.0% และจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอยในปี 2554 รวมทั้งได้เสนอว่าแผนปฏิบัติการควรจะต้องประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ (1) การใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของประเทศและการจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการส่งออก และ (2) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ในด้านการพัฒนาระบบการเงินและธนาคารในประเทศ ธนาคารแห่งชาติกรีซสนับสนุนยุทธศาสตร์การเป็นหุ้นส่วนและการควบรวมระหว่างธนาคารด้วยกัน

11. รมช.กระทรวงการต่างประเทศกรีซ (นาย Spyros Kouvellis) ได้เปิดเผยว่ารัฐบาลกรีซและตุรกีจะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กเพื่อเอาชนะภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้ มีนักธุรกิจกรีซไปลงทุนในตุรกีแล้ว มูลค่า 5 พันล้านยูโร และมีความสามารถที่จะขยายการลงทุนให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งหวังที่จะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนจากตุรกีมาลงทุนในกรีซให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแสวงหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องของพลังงาน การท่องเที่ยว และการก่อสร้าง ทั้งนี้ในปี 2553 การค้าระหว่างกรีซและตุรกีมีมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อนซึ่งมีมูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ในส่วนของการร่วมมือระหว่างกรีซและการ์ตาร์ ซึ่งได้มีการทำความตกลงระหว่างกันที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อร่วมมือกันในด้านการลงทุนมูลค่า 5 พันล้านยูโร นั้น การ์ตาร์ได้แสดงความสนใจที่จะร่วมลงทุนในด้านพลังงาน

12. ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางทะเล มหาวิทยาลัยแห่งพีราอุสเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการเดินเรือ (Shipping sector) ของกรีซเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้สาธารณะของกรีซและได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอันเนื่องมาจากโอกาสในการเช่าพื้นที่สำนักงานในราคาที่ถูกขึ้น เป็นการช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งทางเรือที่มีฐานอยู่ที่กรุงเอเธนส์ ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับเมืองต่างๆ เช่น ลอนดอน และสิงคโปร์ กรุงเอเธนส์และท่าเรือ Piraeus ยังคงเป็นศูนย์กลางเดินเรือที่เป็นที่นิยมสำหรับบริษัทผู้ประกอบการเดินเรือกว่า 750 บริษัท ที่ดำเนินธุรกิจเดินเรือทั่วโลก

การลดลงของกิจกรรมด้านการลงทุนอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในกรีซ มีผลทำให้ในไตรมาส 2 ของปี 2553 การเช่าสำนักงานลดลง 10-12% ส่วนการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเดินเรือสามารถคัดเลือกคนงานที่จะจ้างได้มากขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายเงินเดือนก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

13. ข้อมูลจากธนาคารแห่งชาติกรีซรายงานว่า ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม - กันยายน) ของปี 2553 รายได้จากการขนส่งซึ่งเกือบทั้งหมดมาจากการขนส่งทางเรือ ( Shipping ) เพิ่มขึ้น 15% มูลค่า (10.4 พันล้านยูโร)

รายได้จากการขายส่งออกสินค้า (รวมถึงปิโตเลียม) ในช่วง 8 เดือนแรก (มกราคม - สิงหาคม) ของปี 2553 ก็เพิ่มขึ้น 6.8% มูลค่า 10.6 พันล้านยูโร

รายได้จากภาคการท่องเที่ยว (คิดเป็น 18% ของเศรษฐกิจกรีซ) ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหรือคิดเป็นมูลค่า 7.05 พันล้านยูโร และคาดว่าตลอดปี 2553 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวในระดับเดียวกันกับปี 2552 โดยมีรายได้ลดลงราว 7-8%

14. สำนักงานสถิติแห่ง Hellenic (The Hellenic Statistical Authority) ได้รายงานดังนี้

(1) คำสั่งซื้อใหม่ภาคอุตสาหกรรม (Industrial news orders) ในเดือนสิงหาคม 2553 เพิ่มขึ้น 13.6 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยแยกเป็นคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ (+63.8%) และคำสั่งซี้อภายในประเทศ ( -11.2%) ทั้งนี้สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ เหล็ก คอมพิวเตอร์ และเครื่องจักร

(2) ดัชนีราคานำเข้าภาคอุตสาหกรรม (Industrial import price index) ในเดือนสิงหาคม 2553 เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน แยกเป็นดัชนีราคานำเข้าจากประเทศในกลุ่มยูโรโซน (+1.4%) และดัชนีการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ (-17.9%) (3) ต้นทุนการก่อสร้างบ้านในเดือนกันยายน 2553 เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.1% ราคาน้ำมันดีเซล (+32.1%) ท่อทองแดง (+18.4%) ท่อพลาสติก (+11.8%) ซีเมนต์ (+0.6%) ในขณะที่ราคาอิฐก่อสร้างลดลง (-2.9%)

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ