อุตสาหกรรมในประเทศ
ตลาดยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำด้วยยางสูง ยกเว้นยางรถยนต์จากตลาดในต่างประเทศ จึงทำให้มูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ของเยอรมนีไปต่างประเทศลดน้อยลงกล่าวคือ มียอดการขายผลิตภัณฑ์ทำด้วยยางในช่วง 8 เดือนแรกปี 2553 (ม.ค.-ส.ค.) เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 9,217 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 เป็นยางรถยนต์มูลค่า 3,973 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 ในจำนวนนี้เป็นการจำหน่ายในประเทศมูลค่า 2,333 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.3 การขายในต่างประเทศมูลค่า 1,103 ล้านยูโรลดลงร้อยละ 14.1 เนื่องจากยอดการส่งออกรถยนต์นั่งมีมูลค่าลดลงมากจึงทำให้ยอดการขายยางรถยนต์ลดน้อยลงไปด้วย ปัจจุบันตลาดมีความต้องการรถบรรทุกและรถเก๋งขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ในขณะที่รถเก๋งขนาดเล็กและขนาดกลางลดลงมาก เนื่องจากได้มีการขายมากเป็นพิเศษในปี 2552 ที่ผ่านมา สำหรับผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ มียอดขายในช่วง 8 เดือนแรกปี 2553 รวมทั้งสิ้น 5,244 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.6 โดยเป็นการขายในประเทศมูลค่า 3,044 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 และในต่างประเทศมูลค่า 2,095 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9
สินค้าส่งออกของไทย
ผลิตภัณฑ์ทำด้วยยางของไทยที่ส่งออกไปเยอรมนีมูลค่ามากเป็นอันดับแรก จะเป็น
- ถุงมือยางใช้ในด้านการแพทย์ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 47.2 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 15 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ มาเลเชีย เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 43, 12 และ 10 ตามลำดับ
- ยางใหม่สำหรับยานพาหนะ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 43.0 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ฝรั่งเศสมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 14 เช็คร้อยละ 11 สโลเวเกียร้อยละ 8 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 7
- หลอด ท่อยาง คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 2 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละไทยมีส่วนแบ่งร้อยละ 0.7 แหล่งนำเข้าสำคัญๆ ได้แก่ อิตาลี 12% ฮังการี 11% เช็ค 11% โปแลนด์ 10%
ปัญหาอุปสรรค
1. ราคาสินค้าของไทยยังคงสูงกว่าคู่แข่ง แต่เนื่องจากเป็นที่ไว้วางใจของผู้นำเข้า มีคุณภาพดี มีการส่งมอบสินค้าตรงเวลา จึงยังเป็นที่สนใจของผู้นำเข้า
2. การประกาศใช้ระเบียบ Reach ให้ลงทะเบียนและควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิต จะทำให้เกิดปัญหากับสินค้าบางชนิดได้ และทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้าง
3. คู่แข่งสำคัญ โดยเฉพาะ จีนและมาเลเชีย มีความสามารถผลิตสินค้าได้มาตรฐานมากขึ้น และมีราคาต่ำกว่าสินค้าจากไทย
4. มีสินค้าเข้าตลาดเยอรมนีมากขึ้นจากฐานการผลิตสินค้าในยุโรปกลางที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโดยผู้ประกอบการเยอรมัน
5. สินค้าทำด้วยยางในเยอรมนีส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิต ซึ่งไทยยังไม่สามารถผลิตได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th