จากการสำรวจล่าสุดในวงการเครื่องประดับอัญญมณี พบว่า เครื่องประดับเงิน Silver Jewelry เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในยุคเศรษฐกิจซบเซา และราคาทองที่สูงขึ้นในขณะนี้ ทั้งนี้ 81%ของผู้ตอบแบบ สำรวจบอกว่า การขาย Silver Jewelry มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และผู้ตอบแบบสำรวจอีก 90% บอกว่าสต็อกของ Silver Jewelry ในมูลค่าเป็นดอลล่าร์ มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน
การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความนิยม Sterling Silver เพิ่มขึ้นในยุคงบประมาณขาดแคลนเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจ สำหรับผู้อยู่ในวงการจะทราบดีว่า ความเย้ายวนของสินค้านี้คือ ส่วนเพิ่มกำไรต่อชิ้นซึ่งสามารถทำได้ ในขณะที่ผู้ขายปลีกอาจจะพลาดโอกาสทำกำไรจากของราคาแพง เช่น เพชร เป็นต้น ผู้ตอบแบบสอบถาม 73% บอกว่าทำส่วนเพิ่มได้ 50% หรือสูงกว่านั้น สำหรับ Silver Jewelry และ 87% บอกว่า ส่วนเพิ่มนี้ เพิ่งเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับคำถามที่ว่า ความนิยมนี้จะอยู่นานหรือจะลดลงเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบบอกว่า "ไม่ลดลง" และบางส่วนบอกว่าเป็นเพราะอิทธิพลจากผู้บริโภคในวัยหนุ่มสาวซึ่งเห็นว่า Sterling Silver เป็นเครื่องประดับที่มีค่าอีกด้วย และคาดว่าจะเป็นเครื่องประดับของผู้บริโภค Generation “Y”
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนบางกลุ่มที่คิดว่า ความนิยมเครื่องประดับเงินจะมาแล้วก็ไป แต่ผู้บริโภคยังคงให้คุณค่ากับ “ทอง” มากกว่าเสมอ เมื่อไรก็ตามที่เริ่มมีสตางค์ ก็จะกลับมาซื้อ “ทอง” กันอีก และบางกลุ่มเห็นว่าความนิยมเครื่องประดับเงินเป็นเพียง”แฟชั่น” และเทรนด์จะกลับไปที่ “Yellow Gold” อีกในไม่ช้า
ผู้บริโภคที่นิยม “แบรนด์”
เมื่อถึงคำถามให้บอก “แบรนด์” เครื่องประดับเงิน ที่ขายดีที่สุด “Pandora” และ “Elle” มาเป็นอันดับต้น ตามด้วย Alisa, Artistry, Ostbye, Cordova, David Yurman, John Hardy, Hot Diamonds, Zina, Alwand Vahan, Chamilia และ Kelim
แหล่งที่มา
เมื่อถูกถามเรื่องแหล่งที่มาของเครื่องประดับเงิน
43% ซื้อสินค้าผ่านทางแบรนด์ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ
25% มาจากผู้ผลิตในสหรัฐฯซึ่งไม่ส่งเสริมแบรนด์ตัวเอง
8% มาจากดีไซน์เนอร์แบรนด์ดังต่างประเทศ
8% สั่งทำตามแบบของตน (Custom-Make)
7% มาจากดีไซน์เนอร์ต่างประเทศที่ไม่ส่งเสริมแบรนด์ตัวเอง
อะไรที่ขายดี
31% เป็นสร้อยคอ (necklaces) / จี้ (pendants)
31% เป็นสร้อยข้อมือ (bracelets)
อีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่น้อยได้แก่ อัญญมณีที่มีลูกปัด (bead jewelry)ที่มีแบรนด์เช่น Pandora
ราคาระดับไหนที่ขายคล่อง
51% บอกว่าขายดีที่สุดคือสินค้าที่ระดับราคา 100-250 เหรียญฯ
31% บอกว่าของราคาต่ำกว่า 100 เหรียญฯ ขายดีที่สุด
ความเห็น/ข้อเสนอแนะ
1) คาดกันว่า ในปี 2554 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังไม่ฟื้นตัวเร็ว และอัตราการว่างงานจะยังคงสูงอยู่ ในระดับใกล้เคียง 10% ดังนั้นความต้องการเครื่องประดับเงินจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดี
2) สินค้าที่มีดีไซน์แปลกใหม่จะเป็นที่นิยม โดยเฉพาะสำหรับผู้บริโภคในวัยหนุ่มสาว
3) เครื่องประดับเงินที่ประกอบด้วย มุก เพชรเทียม (Zirconia) และลูกปัด (beads) จะเป็นที่นิยม
4) ผู้ขายปลีกที่เป็นรายย่อยแบบ Mom & Pop Shop มีมากในธุรกิจนี้ และมีรายใหม่ๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้ส่งออกควรหาตัวแทนที่สามารถทำตลาด โดยออกโชว์สินค้าในงานแสดงสินค้าต่างๆในสหรัฐฯซึ่งมีตลอดทั้งปี
5) ไม่แนะนำให้ผู้ส่งออกเดินทางมาออกงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯเอง เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงแล้ว Buyers/Visitors ในงานส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ขายปลีก (Retailers) ที่มาสั่งซื้อสินค้าไปขายที่ร้าน และแต่ละรายจะสั่งในปริมาณ/มูลค่าน้อย แต่จำนวนรายจะมีมาก และต้องการให้ส่งมอบในระยะเวลาสั้น แต่จะสั่งบ่อย เพราะไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บสต็อก
6) การเดินทางมาหาตัวแทน/ลูกค้า หากเดินทางมาช่วงงานแสดงสินค้าใหญ่ๆในสหรัฐฯ จะได้มีโอกาสดูเทรนด์และรูปแบบสินค้าที่ขายในตลาดด้วย
นางสมจินต์ เปล่งขำ
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
ที่มา: http://www.depthai.go.th