อุตสาหกรรมในประเทศ
ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประเภททุนและเครื่องจักรกลต่างๆ ยังคงมีสูงต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการยางพารา ชิ้นส่วนและส่วนประกอบทำด้วยยางเพื่อการผลิตสินค้าเหล่านั้นเพิ่มสูงขึ้น ยอดขายสินค้าทำด้วยยางจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ยกเว้น การขายยางรถยนต์ในตลาดต่างประเทศ มีมูลค่าลดน้อยลง เนื่องจาก มีการสร้างฐานการผลิตโดยผู้ผลิตยางยานพาหนะในต่างประเทศ (Michellin, Pirelli, Nokian) กันมากขึ้น โดยเฉพาะในรัสเซียที่มีความต้องการยางยานพาหนะปีละกว่า 30 ล้านเส้น ยอดการขายผลิตภัณฑ์ทำด้วยยางของเยอรมนีในช่วง 9 เดือนแรกปี 2553 (ม.ค.-ก.ย.) เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10,583 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 154.2 เป็นยางรถยนต์มูลค่า 4,580 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ในจำนวนนี้เป็นการจำหน่ายในประเทศมูลค่า 2,696 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 การขายในต่างประเทศมูลค่า 1,270 ล้านยูโรลดลงร้อยละ 14.9
สินค้าส่งออกของไทย
สินค้าของไทยในรายการนี้มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกสินค้า ยกเว้น ผลิตภัณฑ์ยางใช้ในด้านเภสัช ที่ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2553 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 75.5 เนื่องจากมีการนำเข้าจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากแซร์เบียทีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น 7 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 9 เดือนแรกปี 2533 ผลิตภัณฑ์ทำด้วยยางอื่นๆ ที่ไทยส่งออกไปเยอรมนีเป็นอันดับแรก จะเป็น
- ถุงมือยางใช้ในด้านการแพทย์ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 47.1 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 13 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ มาเลเชีย เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 39, 10 และ 8 ตามลำดับ
- ยางใหม่สำหรับยานพาหนะ คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 43.0 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ฝรั่งเศสมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 15 เช็คร้อยละ 11 สโลสวาเกียร้อยละ 7 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 7
- หลอด ท่อยาง คิดเป็นส่วนแบ่งร้อยละ 2 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี ในตลาดเยอรมนีไทยมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 0.7 แหล่งนำเข้าสำคัญๆ ได้แก่ อิตาลี 13% ฮังการี 12% เช็ค 11% โปแลนด์ 10%
ปัญหาอุปสรรค
1. การประกาศใช้ระเบียบ Reach ให้ลงทะเบียนและควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิต จะทำให้เกิดปัญหากับสินค้าบางชนิดได้ และทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้าง
2. ราคาสินค้าของไทยยังคงสูงกว่าคู่แข่ง แต่เนื่องจากเป็นที่ไว้วางใจของผู้นำเข้า มีคุณภาพดี มีการส่งมอบสินค้าตรงเวลา จึงยังเป็นที่สนใจของผู้นำเข้า
3. คู่แข่งสำคัญ โดยเฉพาะ จีนและมาเลเชีย มีความสามารถผลิตสินค้าได้มาตรฐานมากขึ้น และมีราคาต่ำกว่าสินค้าจากไทย
4. มีสินค้าเข้าตลาดเยอรมนีมากขึ้นจากฐานการผลิตสินค้าในยุโรปกลางที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโดยผู้ประกอบการเยอรมัน
5. สินค้าทำด้วยยางในเยอรมนีส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิต ซึ่งไทยยังไม่สามารถผลิตได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th