รายงานตลาด บ้านยุคใหม่ในสหรัฐ : บ้านเล็กลง ประหยัดพลังงาน มีส่วนร่วมกับสังคม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 29, 2010 14:01 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ บวกกับกระแสการอนุรักษ์สื่งแวดล้อม ส่งผลให้คนอเมริกันเปลี่ยนพฤติกรรมด้านที่อยู่อาศัยและชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณานำข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนาสินค้าที่สอดคล้องกับพฤติกรรมเหล่านี้ได้

ความฝันของคนอเมริกันที่มักจะติดปากพูดกันว่าเป็น American Dream คือทุกคนต้องมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นบ้านมักจะเป็นบ้านหลังใหญ่ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมพรั่ง มีห้องหลายห้องแยกเป็นพิเศษสำหรับกิจกรรมต่างๆ แต่ละห้องล้วนใหญ่โต และยังต้องมีสระว่ายน้ำ สวนหรือสนามหญ้า และโรงรถ สำหรับรถหลายๆคัน บ้านหลังใหญ่ๆเช่นนี้ มักจะอยู่นอกเมือง เพราะต้องใช้พื้นที่มาก และ การเดินทางไปไหนต่อไหน จะต้องมีรถ แต่ละบ้านมักจะมีรถหลายคัน

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจ บวกกระแสสำนึกในการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ความนิยมเรื่องบ้านเปลี่ยนไปมาก สรุปหลักๆ แนวโน้มของบ้านในอนาคตของคนอเมริกันที่มีจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอีกทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายได้คือ

บ้านมีขนาดเล็กลง จากเดิมขนาดบ้านเฉลี่ย2,300 ตารางฟุต ไปจนถึง 10,000 ตารางฟุต ในปีที่ตลาดบูมสุดๆ ปี 2007 พอมายุดเศรษฐกิจซบเซา ความต้องการบ้านขนาดใหญ่ลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือ ขนาดบ้านเฉลี่ยลดลงเหลือ 2,100 ตารางฟุต หนึ่งในสามของคนอเมริกันมีบ้าน ขนาดต่ำกว่า 2,000 ตารางฟุต ผลการสำรวจของ real-estate site Trulia. แนวโน้มบ้านใหม่ตอนนี้ จะตัดห้องที่ไม่จำเป็นออก เช่น ห้องนั่งเล่น และ ห้องรับแขกที่เป็นทางการ ห้องเล่นเกมส์ ห้องอ่านหนังสือ หรือ ห้องสมุด เหลือเป็นเพียงห้องเอนกประสงค์เพียงห้องเดียว

ทุกปี ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านจะทำ concept home หรือ บ้านตัวอย่างที่แสดงถึงแนวโน้มของตลาด สำหรับปี 2553 นี้ เป็นบ้านของเศรษฐกิจใหม่ (A Home for the New Economy) จะมีลักษณะ ดังนี้ พื้นที่ 1,700 ตารางฟุต เป็นบ้านที่ไม่มีห้องรับแขก ไม่มีห้องนั่งเล่น แต่เป็นห้องใหญ่ๆกว้างๆห้องหนึ่งที่ใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถใช้เป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ ฟังเพลงดูทีวีเล่นเกมส์ จากที่เคยแยก ห้องทำงานและห้องนอนแขก ก็รวมเป็นห้องเดียวกัน แม้แต่ทางเดินในบ้านที่ใหญ่เกินจำเป็นก็ลดขนาดลงด้วย รวมถึงห้องน้ำทีมีมากเกินความจำเป็นก็ลดจำนวนลงเช่นกัน หลักๆคือ flexible space เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าบ้านคับแคบ สถาปนิกจะออกแบบบ้านให้มีความรู้สึกว่าบ้านใหญ่กว่าความเป็นจริง ด้วยการใช้ลูกเล่นต่างๆ เช่น เล่นระดับเพดาน เล่นระดับสายตามองจากในบ้านออกไปถึงลานหรือระเบียงนอกบ้าน ให้เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน

รสนิยมการออกแบบส่วนนอกบ้านก็เปลี่ยนไปด้วย เดิม คนนิยมความเป็นส่วนตัว และมีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของตัวเอง ไม่ใช้รวมกับใคร มีศัพท์เรียกว่า "suburban sprawl” ระเบียงและสนาม ไปถึง สระว่ายน้ำจะเอาไว้หลังบ้าน เพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ให้ใครมองเห็น ในทางตรงกันข้ามบ้านรูปแบบใหม่ "smart growth" จะเอาโรงรถไปไว้ข้างหลัง สนามหญ้าเล็กลง สระว่ายน้ำ ส่วนตัวไม่มี เอาระเบียงไว้ข้างหน้าบ้าน และออกแบบบ้านให้สามารถมองจากในบ้านออกไปเห็นระเบียงและสนามนอกบ้านให้ความรู้สึกว่าบ้านใหญ่ขึ้น และทำให้อยากออกไปอยู่นอกบ้าน สังสรรค์ กับเพื่อนบ้านมากขึ้น

ยังมีอีกเหตุผลสำคัญอีกเหตุผลหนึ่งที่นิยมบ้านและสนามขนาดเล็กลงนี้ คือ บ้านส่วนใหญ่มีคนอยู่น้อยลง เป็นคนทำงานสองคน หรือไม่ก็ผู้สูงอายุที่ลูกโตออกจากบ้านไปหมดแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนตายาย ไม่มีใครต้องการใช้เวลาทำความสะอาดบ้าน ทำสวน ในเมื่อยังมีเรื่องอื่นในชีวิตต้องทำอีกมากมาย การลดขนาดพื้นที่ทำให้ลดภาระและค่าใช้จ่ายลง การไปใช้ของส่วนรวมร่วมกัน นอกจากช่วยลดภาระการดูแลบ้านแล้วยังแก้เหงา มีเพื่อนมีกิจกรรมมากขึ้น นำไปสู่สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นด้วย

ลักษณะที่อยู่อาศัยที่คน Generation Y ต้องการ คือ บ้านเล็กลง มี downtown ที่สมบูรณ์ มีกิจกรรมต่างๆ อยู่ใกล้ๆ สามารถเดินจากบ้านไปร้านอาหาร ไปสวนสาธารณะ และในขณะเดียวกันมีทั้งความเป็นส่วนตัวและการมีส่วนร่วมในส่วนรวม และลดการใช้พลังงาน ย่าน Stapleton เมือง Denver เป็นตัวอย่างที่ดี บ้านทุกหลังมีสวนเล็กๆ ไม่มีใครมีสระว่ายน้ำส่วนตัว แม้แต่บ้านหลังละเป็นล้านเหรียญ ทุกคนใช้ของส่วนรวมร่วมกัน มีสวนสาธารณะ 80 เอเคอร์ สระว่ายน้ำ และ สโมสรบ่ายวันศุกร์ มีกิจกรรมต่างๆ ในสวนสาธารณะ เช่น คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ละคร คนรู้จักกันและมีกิจกรรมร่วมกัน เดินไปไหนมาไหนได้ มีที่ให้เดินไปทำกิจกรรม มีย่าน downtown ที่ปรับปรุงให้สวยงาม ในเมืองหลายๆเมืองในสหรัฐ กำลังปรับเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบนี้ ตามความต้องการของผู้ซื้อ

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนี้ สอนคนให้เปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดหลายๆด้าน เรื่องการใช้พลังงานเป็นเรื่องที่เปลี่ยนคนมากที่สุด มีผลให้การประหยัดพลังงานจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างบ้านใหม่ การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ หน้าต่าง พื้นผิวของบ้าน และ ระบบควบคุมอุณหภูมิ ให้ถูกต้องจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจะเป็นองค์ประกอบหลักประการหนึ่งในการตัดสินใจซื้อบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ คาดว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆด้านการประหยัดพลังงานในที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นอีกมาก เช่น การมี Master control สำหรับพลังงาน เหมือน Master control ของการควบคุมแสง หรือ อุณหภูมิ หรือ การติดตั้งกังหันลมในสวนเพื่อปั่นไฟใช้เอง

ถึงแม้ว่าราคาที่ดินถูกลงจะยิ่งสามารถหาบ้านใหญ่ๆได้ง่ายขึ้น และจะยังคงมีคนที่ต้องการบ้านหลังใหญ่ พื้นที่มากๆ อยู่ แต่คนจะได้บทเรียนแล้ว และจะเริ่มคิดว่าควรจะทำอย่างไร และอยู่อย่างไร เพื่อจะไม่ให้ต้องตกอยู่ในภาวะลำบากอีก

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลีส

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ