“ส่งออก” เผยแนวโน้มตลาดเดนมาร์กปี 54 ใส่ใจสุภาพห่วงใยสิ่งแวดล้อม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 29, 2010 14:03 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ผู้ส่งออกไทยควรให้ความสำคัญในด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยกับสินค้าที่ส่งมายังเดนมาร์กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานสินค้ามาก โดยเฉพาะสินค้าอาหาร และชาวเดนมาร์กเองยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม มีความกังวลห่วงใยในสุขภาพ และโครงสร้างประชากรเป็นสังคมผู้สูงวัย

นางสุจิตรา ถนอมทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน เผยว่า ในรอบในรอบ 10 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-ต.ค.) การค้าประเทศไทยกับเดนมาร์กมีมูลค่าการค้ารวม 741.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 โดยเดนมากร์กเป็นคู่ค้าอันดับที่ 39 ของไทย โดยการส่งออกจากไทยไปเดนมาร์ก มูลค่า 562 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2552 ที่การส่งออกมีมูลค่า 418.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.21 และการนำเข้าสินค้าจากเดนมาร์กมายังไทยมีมูลค่า 179.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ที่มีมูลการนำเข้า 164.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.75 ทำให้ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยมีดุลการค้ารวมอยู่ที่ 383.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับปี 2552 ที่ไทยได้เปรียบดุลการค้า 254.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

“ในปี 2553 การส่งออกของไทยไปยังประเทศเดนมาร์กมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากหลังจากที่ลดลงเนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจการเงินของสหรัฐและยุโรปในปี 2552 จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกและจากการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพสินค้าและการตลาดของผู้ส่งออกไทยทำให้ผู้นำเข้าเกิดความเชื่อมั่นแม้ว่าในช่วงปี 2553 จะประสบปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าสินค้าไทย เช่น การแข็งค่าของเงินบาท ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย ปัญหาถ่านควันภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ วิกฤติค่าเงินยูโร แต่การส่งออกของไทยก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยคาดว่าในปี 2553 การส่งออกของไยไปยังเดนมาร์กจะขยายตัวอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 30

สินค้าไทยที่มีศักยภาพในเดนมาร์ก ได้แก่ สินค้ากลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ เช่น เครื่องประดับอัญมณี เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง ผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง เครื่องปรุงรส กะทิ น้ำปลา เครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้า อีเลคทรอนิกส์ นอกจากนี้ธุรกิจภัตตาคารอาหารไทย สปา รักษาพยาบาล แฟรนไชส์ ก็ยังมีโอกาสขยายลู่ทางอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกไทยควรให้ความสำคัญในด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยกับสินค้าที่ส่งมายังเดนมาร์กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานสินค้ามาก โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ซึ่งที่ผ่านมาก็มักมีปัญหาสินค้าไทยถูกเรียกเก็บคืน หรือไม่ผ่านการตรวจสอบ และเมื่อเร็วๆ นี้สหภาพยุโรปได้ออกประกาศระเบียบสหภาพยุโรป (แก้ไขเพิ่มเติม) ที่ 878/2010 ซึ่งมีผลตั้งวันที่ 7 ตุลาคม 2553 ทำให้สินค้ากลุ่มพริก มะเขือ ถั่วฝักยาว ผักชี กะเพรา สะระแหน่ จากไทยประสบปัญหาการตรวจสอบเข้มงวดกว่าเดิมและใช้เวลานานขึ้น ทำให้พืชผักเน่าเสียหาย และชาวเดนมาร์กเองยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม มีความกังวลห่วงใยในสุขภาพ และโครงสร้างประชากรเป็นสังคมผู้สูงวัย (aging society) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ผู้ส่งออกไทยจึงต้องพัฒนาปรับปรุงสินค้าให้เข้ากับนิสัยความเป็นอยู่ของชาวเดนมาร์ก เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ให้สวยงาม เข้าใจง่าย มีรูปแบบเรียบง่ายแต่ดูดี ทำจากวัสดุที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีขนาดบรรจุภัณฑ์เหมาะสำหรับการบริโภคของครอบครัวขนาด 1-2 คน ใช้ครั้งเดียวหมดหรือง่ายต่อการใช้โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือทำจากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง การผลิตอาหารบำรุง สุขภาพ เช่น มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อย หรือใช้สารความหวานอื่นที่ไม่เป็นอันตรายแทนน้ำตาล สินค้าทีทำจากสมุนไพร เป็นต้น” นางสุจิตรา กล่าวเพิ่มเติม

เดนมาร์ก ถือเป็นศูนย์กลางของยุโรปเหนือ ทั้งด้านการค้าและการขนส่ง ในการกระจายสินค้าต่อไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค สนามบิน Kastrup ในกรุงโคเปนเฮเกน เป็นสนามบินที่ใหญ่และสะดวกสบายที่สุดในภูมิภาคยุโรปเหนือ และบริเวณใกล้สนามบิน Kastrup มีสะพาน Oresund Bridge เชื่อมระหว่าง เกาะ (Zealand) ของเดนมาร์กกับเมือง Malmo ทางตอนใต้ของสวีเดน นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเกาะ (Zealand) เมือง Fermern Baelt Rodby ของเดนมาร์กกับเมือง Puttgarden ของสหพันธรัฐเยอรมัน จึงทำให้เดนมาร์กมีบทบาทในสถานะที่เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและคมนาคมในภูมิภาคยุโรปเหนือ สามารถเป็นแหล่งช่วยกระจายสินค้าไทยไปยังประเทศข้างเคียง

อีกทั้งทางการเดนมาร์กได้มีการปรับการคาดการณ์ GDP ของปี 2553 ว่าอาจจะขยายตัวถึงร้อยละ 2 จากที่คาดการณ์ไว้เดิมประมาณ 1.2 ในปี 2554 คาดว่าจะมีการขยายตัว GDP ประมาณร้อยละ 1.5 แม้ว่านักธุรกิจหลายฝ่าย จะมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นใน กรีซ ไอร์แลนด์ และอาจจะลุกลามไปยังโปรตุเกส สเปน หรือประเทศยุโรปอื่นจนเกรงว่าอาจจะเกิดวิกฤติค่าเงินยูโร และกระทบไปทั่วยุโรปโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยูโรโซน แต่เดนมาร์กยังถือเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเงินสูงอันดับต้นๆของสหภาพยุโรป จากวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาหลายครั้งระบบเศรษฐกิจของเดนมาร์กก็นับว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่น จึงคาดว่า การส่งออกของไทยในช่วงปี 2554 จะยังคงสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่อาจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง

ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ