จีนเริ่มรณรงค์ปลอดควันบุหรี่และลงนามในกรอบการควบคุมยาสูบเป็นประเทศที่ 77 ของโลก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2546 และได้รับการอนุมัติจากสภาประชาชนแห่งชาติจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2549 แต่ในทางปฏิบัติกลับยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน กระทั่งล่าสุดจีนได้ให้คำมั่น จะพยายามทำให้ที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2554
แม้ว่าจีนจะเริ่มตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา แต่จีนกลับไม่มีความคึบหน้าของการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ วัฒนธรรมการบริโภคยาสูบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ภาษียาสูบจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ราคาจำหน่ายกลับไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ ไม่มีการปรับตัวลดลง แต่จากกระแสการรณรงค์ขององค์การอนามัยโลกและการรณรงค์ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่ชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของบุหรี่ที่คร่าชีวิตประชาชนจำนวนมากในแต่ละปี รวมไปถึงพิษภัยจากควันบุหรี่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ ซึ่งจีนเองก็ได้เก็บสถิติดังกล่าว พบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนมีผู้รับชะตากรรมจากควันบุหรี่เพิ่มขึ้นถึง 200 ล้านคน ทำให้จีนหันมาตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่อย่างจริงจัง พร้อมกับให้คำมั่นว่า ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2554 เป็นต้นไป จะพยายามให้ที่สาธารณะที่มีลักษณะปิด อากาศไม่ค่อยถ่ายเท อาทิ ร้านอาหาร อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ต์ สถานบันเทิงต่าง ๆ รวมไปถึงสถานที่ที่ควรปลอดบุหรี่อย่างโรงพยาบาลและโรงเรียน เป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง
สำหรับมณฑลเสฉวน แม้ว่าจะมีการรณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ 33 แห่ง อาทิ ร้านอาหาร ร้านน้ำชา โรงละคร สถานบันเทิง ห้องประชุม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ล่าสุด มณฑลเสฉวนได้เสนอการควบคุมการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ (อาทิ โรงพยาบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนและสถานที่ภายในอาณาบริเวณ สถานที่ทำการราชการห้องประชุม ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลปะ สถานจัดแสดงนิทรรศการ โรงละคร ร้านหนังสือ ร้านค้าห้างสรรพสินค้า สถานออกกำลังกาย สถานบันเทิง รถโดยสารสาธารณะต่าง ๆ) ส่งให้รัฐบาลมณฑล อนุมัติตั้งแต่ปี 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันยังรอการอนุมัติอยู่ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเห็นว่าการบังคับใช้เป็นไปอย่างยากลำบาก และไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอในการควบคุมให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทั้งนี้ โทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน คือ ปรับสูงสุดไม่เกิน 200 หยวน(ประมาณ 1,000 บาท)
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ที่มา: 1. หนังสือพิมพ์เฉิงตูซางเป้า (Cheng Du Shang Bao) ประจำวันที่ 5 มกราคม 2554
2. เว็บไซต์ XINHUANET.com (www.news.cn)
ที่มา: http://www.depthai.go.th